ราชินีโซเชียล "Selena Gomez" ความสำเร็จบนออนไลน์สู่การสร้างแบรนด์ประจำตัว

Logo Thai PBS
ราชินีโซเชียล "Selena Gomez" ความสำเร็จบนออนไลน์สู่การสร้างแบรนด์ประจำตัว
นอกจากบทบาทนักร้อง นักแสดง อีกความสำเร็จของ Selena Gomez (เซลีน่า โกเมซ) คือการเป็นราชินีแห่งโซเชียลมีเดีย ใช้สื่อออนไลน์ในมือเสริมภาพลักษณ์ใกล้ชิดแฟนคลับ และยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวเอง

ภาพถ่ายดื่มน้ำอัดลมที่ดูแสนจะธรรมดา เป็นภาพที่นักร้องสาว Selena Gomez ปลื้มที่สุด เพราะทำสถิติมียอดกดไลค์มากที่สุดบนอินสตาแกรมถึง 5 ล้านครั้ง หากคนที่ดีใจไม่น้อยไปกว่านักร้องสาวก็คงจะเป็นเจ้าของแบรนด์น้ำอัดลม ที่ได้โปรโมตแบบเนียนๆ จากการที่นักร้องสาวถือขวดน้ำอัดลมสกรีนเนื้อเพลง Me & The Rhythm ของตัวเอง การมียอดผู้ติดตามมากที่สุดกว่า 90 ล้านคน ลงภาพแค่คลิกเดียวก็ทำยอดไลค์ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านครั้ง ส่งให้ Selena กลายเป็นคนดังเนื้อหอมที่แบรนด์ต่างๆวิ่งเข้าหา หากนักร้องสาวมีวิธีบริหารสื่อโซเชียลในมืออย่างชาญฉลาด จนได้ฉายา "ราชินีแห่งอินสตาแกรม" นั่นคือการสร้างความใกล้ชิดกับแฟนคลับจนเป็นแบรนด์ดิ้งเฉพาะตัว ก่อนต่อยอดไปสู่การทำการตลาดรูปแบบอื่นๆในระยะยาว ได้ทั้งรายได้ และรักษาความเป็นนักร้องขวัญใจมวลชนไว้ในคราวเดียวกัน

เคล็ดลับความสำเร็จของ Selena Gomez ในฐานะราชินีแห่งโซเชียล คือการที่เธอเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโพสต์ทุกข้อความและรูปภาพด้วยตนเองทั้งหมด ไม่ได้พึ่งที่ปรึกษาด้านโซเชียลอย่างคนดังทั่วไป นักร้องวัย 24 ปีรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรโพสต์ภาพเซลฟี่ตัวเอง และเลือกรับโพสต์ภาพโฆษณาอย่างพอดี ทำให้อินสตาแกรมของเธอดูน่าสนใจอยู่เสมอ ซึ่งนี่ช่วยให้การโพสต์โฆษณาเพียงครั้งเดียว สามารถทำเงินได้เกือบ 20 ล้านบาทต่อโพสต์ สอดคล้องกับความเห็นของ แฟรงก์ สปาเดโฟร่า นักวิเคราะห์ด้านโซเชียล ที่มองว่านักร้องสาวเป็นตัวอย่างของคนดังระดับโลกที่ไม่ได้โพสต์โฆษณามากเกินไป เพราะรู้ดีว่าการโพสต์โฆษณาบ่อยๆ ไม่ได้ส่งผลดีระหว่างแฟนคลับกับคนดัง

คนดังที่มีผู้ติดตามบนโซเชียลจำนวนมาก ข้อต่อรองในการรับงานโฆษณาและค่าตัวยิ่งมีมากขึ้น หากก็มีคนดังไม่น้อยพลาดท่า โพสต์ภาพโฆษณาอย่างพร่ำเพรื่อ และเกินจริง อย่าง Kim Kardashian ที่ถูกองค์การอาหารและยาของสหรัฐออกใบแจ้งเตือน หลังเธอลงภาพโฆษณายาลดอาการแพ้ท้องโดยไม่บอกผลข้างเคียงให้ครบถ้วน จึงเป็นข้อคิดให้คนดังเลือกใช้ประโยชน์จากสื่อในมืออย่างฉลาด และอยู่บนความรับผิดชอบ ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นเพียงพื้นที่การโฆษณาขายของ จนหมดความน่าเชื่อถือ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง