ศูนย์ปฎิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยึดปืนจำนวน 33 กระบอก ระเบิด 3 ลูก และกระสุนปืนอีก 341 นัด ได้ก่อนถึงวันลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค. จนถึงเมื่อวานนี้ (4 ส.ค.) ซึ่งของกลางบางอย่างเป็นการขยายผลหลังเมื่อ 2 วันก่อน สามารถเก็บกู้วัตถุระเบิดในรถยนต์ที่ อ.รามัน จ.ยะลา และเหตุระเบิดในรถยนต์ของนายอำเภอศรีสาคร จ.นราธิวาส
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยอมรับว่า เหตุรุนแรงก่อนการลงประชามติใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มการดูแล ขณะเดียวกันได้ออกหมายจับนายอุสมาน ลูกหยี ในข้อหาบิดเบือนรัฐธรรมนูญ ด้วยการเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ และอาจจะเกี่ยวข้องกับการแขวนป้ายผ้า และพ่นสีสเปรย์บนถนน เพื่อโจมตีการออกมาใช้สิทธิก่อนหน้านี้ และได้สั่งให้เจ้าหน้าที่จับตามองแกนนำนักการเมืองระดับประเทศในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างใกล้ชิด
เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในพื้นที่ก่อนวันลงประชามติไม่เกินความคาดหมายของเครือข่ายภาคประชาชนบางคนที่มองว่า การเกิดรุนแรงเกิดขึ้นจากหลายปัจจัยรวมถึงปัญหาการเมือง ซึ่งไม่ว่าผลการลงประชามติ จะรับ หรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ รัฐบาลชุดปัจจุบันก็ยังคงบริหารประเทศ นโยบายการแก้ปัญหาในพื้นที่ ก็อาจยังคงเป็นแบบเดิม โดยเฉพาะการพูดคุยสันติสุขที่หยุดชะงัก
ขณะที่ ผศ.ดร.วลักษณ์กมล จ่างกมล คณบดีคณะวิทยาการสื่อสาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (ม.อ.ปัตตานี) ระบุว่า กิจกรรมการรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ และการนำเสนอของสื่อทั่วไป ยังไม่ได้ให้ความรู้กับประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง ถึงข้อซ้อนเร้นในร่างรัฐธรรมนูญ ทำให้หลายคนไม่เข้าใจเนื้อหาและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น จึงอาจทำให้การลงคะแนนเสียงในวันที่ 7 ส.ค.นี้ หลายคนอาจลงคะแนนตามความชอบของกลุ่มก้อนทางการเมืองมากกว่าความเข้าใจในเนื้อหา
ทั้งนี้การลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2550 พบว่า คนในพื้นที่ออกมาใช้สิทธิประมาณร้อยละ 50 แต่ปัญหาความรุนแรงที่ยาวนาน และการแข่งขันด้านการเมืองหลากหลายพรรค ทำให้กกต.ทั้ง 3 จังหวัด คาดหวังว่า จะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 เนื่องจากมีความตื่นตัวทางการเมืองสูง