รู้จัก "โสภิตา" สาวชุมพรผู้ผันตัวจากนักชกมาเป็นนักยกน้ำหนัก

กีฬา
7 ส.ค. 59
14:08
1,437
Logo Thai PBS
รู้จัก "โสภิตา" สาวชุมพรผู้ผันตัวจากนักชกมาเป็นนักยกน้ำหนัก
"โสภิตา ธนสาร" จอมพลังสาววัย 22 จาก อ.สวี จ.ชุมพร ผู้คว้าเหรียญทองแรกในโอลิมปิก 2016 ที่ประเทศบราซิลให้ทัพนักกีฬาไทย มี "ไก่" ปวีณา ทองสุก นักยกน้ำหนักรุ่นพี่เป็นไอดอล แต่วันนี้ตัวเธอเองได้ก้าวมาเป็นฮีโร่ของวงการยกน้ำหนักอย่างเต็มตัว

เหรียญทองยกน้ำหนักรุ่น 48 กิโลกรัมของโสภิตาในวันนี้ (7 ส.ค.2559) สร้างประวัติศาสตร์หลายอย่าง ทั้งเป็นการได้เหรียญทองเร็วที่สุดของทัพนักกีฬาไทยในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก และเป็นเหรียญทองแรกของจอมพลังสาวไทยในรุ่น 48 กก.

ก่อนจะมาเป็นนักยกน้ำหนัก โสภิตาเคยเป็นนักมวยมาก่อน แต่ชกแล้วไม่รุ่ง จนกระทั่งญาติของเธอได้รับการชักชวนไปเล่นกีฬายกน้ำหนัก ก็เลยชวนโสภิตาไปเล่นด้วยเพียงเพราะกลัวเธอจะเหงา แต่ปรากฏว่าโสภิตาทำผลงานได้ดีเยี่ยม กวาดเหรียญรางวัลมากมาย และที่บ้านของเธอใน ต.วิสัยใต้ อ.สวี จ.ชุมพร นั้นคุณแม่สรารัตน์ ธนสาร นำเหรียญทั้งหมดมาแขวนเรียงไว้โดยเว้นที่ตรงกลางสำหรับเหรียญโอลิมปิก ซึ่งโสภิตาก็เติมช่องว่างนั้นได้สำเร็จด้วยเหรียญทองจากริโอเกมส์

โค้ชคนปัจจุบันของโสภิตา คือ นาวาตรีอารีย์ วิรัตน์ถาวร ซึ่งเคยคว้าเหรียญทองแดงโอลิมปิกในปี 2004 ที่เอเธนส์ในรุ่น 48 กก.ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับโสภิตา ดังนั้นจึงถือว่าทั้งโค้ชอารีย์และนักกีฬาคือโสภิตาได้ร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ของยกน้ำหนักหญิงรุ่น 48 กก.

โสภิตาบอกเล่าความรู้สึกหลังจากรู้ว่าได้เหรียญทองว่า "พูดไม่ออก ตื้นตัน ถามตัวเองว่าเราได้เหรียญทองโอลิมปิกจริงๆ ใช่มั้ย เราสร้างประวัติศาสตร์ให้รุ่น 48 กก.ใช่มั้ย มันตื่นเต้นมาก ตั้งแต่เลือกที่จะลงแข่งในรุ่นนี้ก็คิดมาตลอดว่าอยากจะทำให้สำเร็จ"

เธอบอกว่าในการแข่งขันวันนี้ (7 ส.ค.) เรียกน้ำหนักตามแผนที่โค้ชและสมาคมกีฬายกน้ำหนักวางไว้ทุกอย่าง หลังจากนี้เธอจะมุ่งหน้าฝึกซ้อมต่อเพื่อพัฒนาตัวเอง

"ยังคงเป็นแนนคนเดิม ยังอยู่กับทีมยกน้ำหนักเหมือนเดิม ส่วนเรื่องเงินอัดฉีดก็อยากจะเก็บไว้ให้น้องเพราะน้องยังเรียนอยู่และกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย เราต้องดูแลครอบครัว ส่วนเรื่องการทำงานก็อยากจะรับราชการ" โสภิตาให้สัมภาษณ์พิเศษไทยพีบีเอสหลังจบการแข่งขัน

ส่วนสิ่งแรกที่จะทำหลังจากกลับบ้านไปได้เจอแม่ โสภิตาบอกว่า "จะวิ่งเข้าไปกอด" ขณะที่คุณแม่สรารัตน์บอกว่านี่คือของขวัญชิ้นใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอ

โสภิตาบอกด้วยว่านอกจากแม่แล้ว พ่อผู้ล่วงลับเป็นพลังเบื้องหลังความสำเร็จของเธอในวันนี้ เธอกล่าวขอบคุณพ่อทั้งน้ำตา โดยบอกว่าเสียดายที่พ่อไม่ได้อยู่ดูเธอคว้าเหรียญทองโอลิมปิก

เมื่อถามว่าอยากฝากอะไรถึงเพื่อนนักกีฬาที่กำลังตามล่าฝันในโอลิมปิก รวมถึงนักกีฬารุ่นน้องๆ ที่มีความฝันจะก้าวขึ้นมาเป็นนักกีฬาทีมชาติ โสภิตาบอกว่า

"ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้ อยู่ที่ใจเรา ขอให้มีสมาธิกับทุกอย่าง ทุกๆ ครั้งที่เราแข่งขัน"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง