การบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเข้มงวดและการกวดขันจับกุมผู้ขับขี่รถย้อนศรบน ถ.วิภาวดี เป็นงานหนักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วิภาวดี มาอย่างต่อเนื่อง เพราะการขี่มอเตอร์ไซค์ย้อนศรทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง
ร.ต.อ.อภิวัฒน์ จุลวงศ์ รองสารวัตรจราจรสถานีตำรวจนครบาลวิภาวดี เสนอให้จัดทำทางพิเศษ โดยอาจขอความร่วมมือจากพื้นที่ริมถนนทำทางทะลุถึงกันได้จะเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยแก้ไขปัญหานี้
รองสารวัตรจราจร สน.วิภาวดี
"ทางแก้ที่น่าจะเป็นไปได้ คือ จัดเส้นทางในซอยต่างๆ ให้ เชื่อมทะลุถึงกันได้ หรือขอพื้นที่ของเอกชนให้เชื่อมทางต่อกัน หรือเริ่มจากสอบถามความคิดเห็นของฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องว่าจะสามารถจัดทำช่องทางขึ้นมาอีกช่องทางหนึ่ง ซึ่งแยกต่างหากจากพื้นผิวการจราจรได้หรือไม่" ร.ต.อ.อภิวัฒน์กล่าว
นายณัฐพงษ์ บุญตอบ นักวิจัยมูลนิธิไทยโรดส์ วิเคราะห์สาเหตุการขี่รถย้อนศรบริเวณซอยวิภาวดี 60 ถึง วิภาวดี 62 ว่า ส่วนหนึ่งเกิดจากกายภาพของถนนเป็นตัวบังคับ ทำให้ผู้ขี่รถจักยานยนต์ต้องขี่รถไกลขึ้น จึงยอมเสี่ยงที่จะขับรถย้อนศรเพื่อประหยัดเวลา นอกจากการบังคับใช้กฎหมาย อาจจะต้องมีการศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างทางสำหรับรถจักรยานยนต์
นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องเริ่มจากการบันทึกจำนวนของการขี่ย้อนศรในแต่ละวัน ถ้ามีจำนวนมาก ต้องคิดถึงการหาช่องทางจราจรให้เป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตาม ตามพระราชบัญญัติทางหลวง ปี 2535 ไม่สามารถแบ่งพื้นที่ให้รถจักรยานยนต์วิ่งย้อนศรได้ ส่วนการตีช่องจราจรที่ติดกับทางเท้าเพื่อให้จักรยายนต์วิ่งก็เป็นไปได้ยาก เพราะจะทำให้มีปัญหาและเกิดอุบัติเหตุกับผู้ที่ใช้ทางเท้าได้
ธานินท์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวงระบุว่า การแบ่งพื้นที่ทางเท้าให้มอเตอร์ไซค์ขี่ย้อนศร จะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ทางเท้าหรือผู้ที่จะขึ้นรถประจำทาง พร้อมกับหยิบยกปัญหาที่เคยเกิดขึ้นกับการตีเส้นทางจักรยาน ซึ่งพบว่ามีปัญหาคนและรถจักรยานยนต์เข้าไปใช้เส้นทาง
แม้จะเป็นไปได้ยากที่จะแบ่งพื้นผิวการจราจรบนถนนวิภาวดีรังสิตให้รถจักรยานยนต์วิ่งสวนทาง แต่นายธานินท์ระบุว่ายังมีทางเลือกอื่นในการแก้ปัญหารถย้อนศร อย่างเช่น จ.สมุทรสาคร ที่มีลักษณะถนนคล้ายกับ ถ.วิภาวดีรังสิต มีการสร้างทางกลับรถสำหรับรถจักรยานยนต์โดยเฉพาะ