วันนี้ (12 ส.ค. 2559) เวลา 16.00 น. นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยว่า กระทรวงสาธารณสุข สรุปผลการดำเนินการดูแลรักษาผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดและไฟไหม้ ขณะนี้ มีผู้บาดเจ็บนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล รวม 16 คน คนไทย 10 คน ต่างชาติ 6 คน โดยนอนพักรักษาในโรงพยาบาลที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 9 คน เพชรบุรี 1 คน(ส่งต่อจากโรงพยาบาลหัวหิน) และตรัง 6 คน ทั้งหมดอยู่ในความดูแลของทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดจากเหตุระเบิด จ.ตรัง เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 7 คน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บ 25 คน จ.สุราษฎร์ธานี เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 3 คน จ.ภูเก็ต ไม่มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ 1 คน รวมมีผู้เสียชีวิต 4 คน บาด เจ็บ 36 คน
กระทรวงสาธารณสุข สั่งให้กรมสุขภาพจิต ส่งทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภัย (MCATT :Mental Health Crisis Assessment and Treatment Team) ลงพื้นที่ดูแลจิตใจผู้ได้รับผลกระทบ ที่ จ.ตรัง และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อประเมินภาวะสุขภาพจิต ปฐมพยาบาลจิตใจ ให้กำลังใจ เยียวยาจิตใจและให้การปรึกษาลดภาวะความเครียด สร้างแรงใจให้สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ ป้องกันการเกิดบาดแผลทางจิตใจในระยะยาว
ด้านนายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า การดูแลในครั้งนี้แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บและญาติ และชาวต่างประเทศ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในสถานที่สาธารณะ และเป็นการกระทำของมนุษย์ ส่งผลกระทบด้านจิตใจสูงกว่าเหตุที่มาจากภัยธรรมชาติ ผู้ที่อยู่ใกล้เหตุการณ์จะเกิดอาการวิตกกังวล ใจสั่น นอนไม่หลับ หวาดระแวง ไม่กล้าออกไปใช้ชีวิตตามปกติ ตกใจง่าย การปรับตัวของผู้ได้รับผลกระทบจะแตกต่างกันไปตามสภาพจิตใจ และประสบการณ์เดิม อาจใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ หรืออย่างน้อย 1 เดือน
ส่วนครอบครัวผู้สูญเสีย ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจเสี่ยงเกิดภาวะซึมเศร้าได้ วิธีก้าวผ่านวิกฤตที่เกิดขึ้น ขอให้ยึดหลัก 4 อย่า คือ 1.อย่า จมอยู่กับชีวิตตนเองคนเดียว ยอมรับความสูญเสียและอยู่กับความจริงในปัจจุบันให้ได้ อาจจะเป็นเรื่องยากและต้องใช้ระยะเวลา 2.อย่า เก็บความรู้สึกเจ็บปวดไว้คนเดียว อาจร้องไห้ และพูดระบายความทุกข์ให้คนใกล้ชิดที่ไว้ใจรับฟังบ้าง เพื่อให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย 3.อย่า โทษตนเองหรือคนอื่น เพราะไม่ได้ช่วยทำให้รู้สึกดีขึ้น และ4.อย่า ดื่มเหล้าหรือเสพสารเสพติดเพื่อช่วยลืมความเจ็บปวด ควรสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับบุคคลรอบข้าง ตลอดจนเข้าร่วมกิจกรรมดีๆ ในชุมชนหรือสังคม
ทั้งนี้ หากไม่สามารถจัดการอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้หรือมีอาการซึมเศร้ารุนแรง ควรรีบปรึกษาสถานบริการสาธารณสุขที่ใกล้บ้านทันทีเพื่อรับการดูแลรักษาที่ถูกต้องต่อไป หรือโทรรับคำปรึกษาได้ที่สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง ที่สำคัญ ญาติและครอบครัวถือเป็นบุคคลที่จะช่วยสังเกต ดูแล เยียวยาและประคับประคองจิตใจผู้สูญเสียให้ผ่านพ้นความทุกข์ด้วยการรับฟัง ให้กำลังใจ และไม่ตอกย้ำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนสื่อมวลชน สามารถมีส่วนร่วมในการเยียวยาจิตใจครอบครัวที่ต้องประสบกับความสูญเสียได้ โดยเลือกใช้คำถามในการสัมภาษณ์ที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้ระบายความรู้สึก