วันนี้ (14 ส.ค.2559) ทหารและตำรวจตระเวนชายแดนที่ 426 บุกจับกุมตัวนายมูหะมัดรอสะดี ปาเนาะ ชาว อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดปัตตานี หลังหลบหนีมากบดานที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งใน ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ พร้อมของกลางถังแก็สปิกนิก 1 ถัง โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง กล้องถ่ายรูป 1 เครื่อง และอุปกรณ์สายชาร์จโทรศัพท์จำนวนหนึ่ง
เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าผู้ต้องหารายนี้หลบหนีมาเช่าบ้านหลังดังกล่าว ได้ประมาณ2 เดือน จึงวางแผนทำการจับกุม พร้อมยึดของกลางโทรศัพท์มือ และอุปกรณ์ต่างๆ ภายในที่พัก เพื่อตรวจสารประกอบวัตถุระเบิด และเก็บดีเอ็นเอเพื่อตรวจสอบความเชื่อมโยงเกี่ยวกับเหตุความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่านายมูหะมัดรอสะดี เป็นแนวร่วมผู้ก่อเหตุทำหน้าที่ส่งกำลังด้านอาวุธ และอาหาร เคยผ่านการซูมเปาะหรือสาบานตน ทำหน้าที่คอยสังเกตการณ์ และตรวจสอบรถที่เข้ามาในพื้นที่ รวมถึงติดตามความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะทหาร ตำรวจ และให้การสนับสนุนจัดหาที่พักพิงหลบซ่อนตัวกับลุ่มแนวร่วมทั้งก่อน และหลังก่อเหตุ
ทั้งนี้มีรายงานว่า นายมูหะมัดรอสะดี เป็นบุคคลต้องสงสัยก่อเหตุวางระเบิดใน จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา และมีรายงานว่าได้ควบคุมตัวไปยังมณฑลทหารบกที่ 43 อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช แล้ว
ด้าน พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อม พล.ต.ต.ปรีดี พงศ์เศรษฐสันต์ รองผู้บัญชาการพิสูจน์หลักฐาน เรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวนให้รายงานความคืบหน้าและหลักฐานที่เก็บได้จากที่เกิดเหตุลอบวางระเบิด 2 จุดใจกลางเมืองสุราษฎร์ธานี จนมีผู้เสียชีวิต 1 คน เมื่อ 2 วันก่อน จากนั้นได้เดินทางพร้อมชุดคลี่คลายคดีเข้าติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 8 สุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิดและชุดสืบสวนที่ร้านทวีสินพลาสติก ถนนกาญจนวิถี ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ก่อนเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดจำนวน 2 จุด
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 8 สุราษฎร์ธานี และเจ้าหน้าที่อีโอดี พบหลักฐานสำคัญ เป็นชิ้นส่วนโทรศัพท์ คาดว่าน่าจะเป็นชิ้นส่วนของโทรศัพท์มือที่ใช้ก่อเหตุจำนวน 2 ชิ้น วางอยู่บนชั้นวางสินค้าภายในร้าน พร้อมทั้งให้ทุกสถานีตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด ดูเส้นทางในพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 9-12 สิงหาคม ที่คาดว่าจะใช้เป็นที่หลบซ่อนตัวหรือเป็นเส้นทางในการก่อเหตุและหลบหนี เพื่อตรวจสอบบุคคลที่มีพิรุธ ซึ่งสงสัยว่าจะก่อเหตุ เบื้องต้นพบผู้มีพิรุธบ้างแล้ว เจ้าหน้าที่เร่งติดตามสืบสวนคลี่คลายคดี