วันนี้ (23 ส.ค.) เวลาประมาณ 09.00 น. ที่บ้านคลองประดู่ ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา นางอังคณา นีละไพจิตร นางประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ลงพื้นที่ที่จะมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา เพื่อรับฟังปัญหาของชุมชน การละเมิดสิทธิชุมชนจากการเตรียมการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน โดยมีชาวบ้านทยอยให้ข้อมูล ระบุให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติทั้งในทะเล ป่าชายเลน การเกษตร มีความงดงามในมิติวัฒนธรรมและศาสนาที่สืบทอดมาหลายร้อยปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านให้ข้อมูลว่า การก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ต้องย้ายชุมชนกว่า 240 ครัวเรือน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สร้างความแตกแยก ให้ชาวบ้านนับและปลูกต้นไม้ เพื่อขอรับเงินชดเชยอาสิน นอกจากนี้ยังเกิดเหตุการณ์ต่างๆมากมาย เช่น การข่มขู่ชาวบ้าน ยิงบ้านแกนนำ มีการทำประชาพิจารณ์ที่ไม่เป็นธรรม ฯลฯ จากนั้นในช่วงบ่าย คณะกรรมการสิทธิฯ ลงดูพื้นที่ด้วย นอกจากนี้ในพื้นที่ยังมีกลุ่มสนับสนุนโรงไฟฟ้า ได้เขียนป้ายขับไล่กลุ่มคัดค้านติดไว้ในหมู่บ้านด้วย
นายดิเรก เหมนคร เปิดเผยว่า กฟผ.ควรเข้ามาให้ข้อมูลต่อกรรมการสิทธิฯ ควรสู้กันด้วยข้อมูล ไม่ควรมาใช้คำหยาบคายในการกล่าวหา ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่สร้างสรรค์ หากไม่สามารถตอบคำถามของชาวบ้านได้ ไม่สามารถชี้แจงชาวบ้านได้ ก็ควรเลิกโครงการไป อย่ามาสร้างความแตกแยกให้กับชุมชน
ด้านนายมิต ชายเต็ม กล่าวว่า ถ่านหิน มีโลหะหนักปะปนมาด้วยจำนวนมาก เช่น ปรอท แคดเมียม สารหนู ตะกั่ว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนเทพา หาดใหญ่ สงขลา ปัตตานี จะมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งและโรคเรื้อรังต่างๆ โรงไฟฟ้าถ่านหินอ้างว่า มีสารพิษเข้าสู่ร่างกายน้อย แต่เผาถ่านหิน 23 ล้านกิโลกรัมทุกวัน 24ชั่วโมง นานตลอดโครงการ 40 ปี สารพิษน้อยตามที่พวกถ่านหินอ้างแต่ได้รับทุกวันนานหลายปี จะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ได้รับจากสารพิษ
“ผมเป็นชาวประมงจับปลาเป็นอาชีพ หาก ปลาในทะเลสงขลา ปัตตานีได้รับผลกระทบ จะกินไม่ได้ เพราะปนเปื้อนโลหะหนักและสารพิษ จะเกิดอะไรขึ้น ประมงพื้นบ้านบ้านปากบางและใกล้เคียง ที่มีเรือประมงพื้นบ้านกว่า 300 ลำ จะทยอยล่มสลาย เพราะสัตว์ทะเลมีสารพิษปนเปื้อน ไม่มีคนจับสัตว์น้ำเพราะจับไปขายก็ไม่มีคนซื้อ” นายมิตกล่าว