วันนี้ (25 ส.ค.) นายสุวิทย์ โคสุวรรณ ผู้อำนวยการส่วนวิจัยรอยเลื่อนมีพลัง สำนักธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรธรณี เปิดเผยว่า จากการเกิดแผ่นดินไหวบนบกขนาด 6.8 ที่ระดับความลึกจากพื้นดินประมาณ 90 กิโลเมตร ด้านทิศตะวันตกของประเทศเมียนมา ซึ่งเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนอรากันที่เกิดการเลื่อนตัวแบบย้อนกลับ ทำให้เมืองพุกามของเมียนมาได้รับความเสียหาย ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เกิดแผ่นดินไหวนำ (โฟร์ช็อก) 3 ครั้ง ก่อนเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ เมื่อเย็นวานนี้ (24 ส.ค.59) เวลา 17.34 น. แต่ยังไม่เกิดอาฟเตอร์ช็อกขึ้น ทำให้เกิดความกังวลและต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง
ผอ.ส่วนวิจัยรอยเลื่อนมีพลัง กล่าวอีกว่า หากไม่เกิดอาฟเตอร์ช็อกขึ้นมีโอกาสเป็นไปได้ที่เมียนมาจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขนาด 7.0 ขึ้นไป ที่เป็นการเกิดแผ่นดินไหวระยะไกลที่มีความถี่ของการสั่นไหว ซึ่งจะกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย โดยเฉพาะอาคารสูงในกรุงเทพมหานคร และหลายจังหวัดในภาคเหนือของไทย เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ตาก แม่ฮ่องสอน ถือเป็นเรื่องผิดปกติของการเกิดแผ่นดินไหว ที่ยังไม่เกิดอาฟเตอร์ช็อกขึ้น เพราะอาฟเตอร์ช็อกจะมีขนาดเล็กกว่า 6.8 ทำให้กรมทรัพยากรธรณีต้องเฝ้าระวังและติดตามพฤติกรรมของกลุ่มรอยเลื่อนอรากันอย่างใกล้ชิดประมาณ 2-3 วัน หรือ จนกว่าจะเกิดอาฟเตอร์ช็อกขึ้นถึงจะคลายความกังวลลงได้ โดยใช้เครื่องมือตรวจวัดแผ่นดินไหวอัตโนมัติของกรมทรัพยากรธรณี 60 สถานี และของกรมอุตุนิยมวิทยา 40 สถานี เบื้องต้นคาดว่าหากเกิดอาฟเตอร์ช็อกขึ้นจะมีขนาดไม่ใหญ่ประมาณ 5.1 - 6.0 ริกเตอร์
ผอ.ส่วนวิจัยรอยเลื่อนมีพลัง กล่าวย้ำว่า การเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่หากเกิดที่ระดับจากพื้นดินที่มีความลึกมากจะไม่กระทบมากนัก เช่น ที่เกิดในเมียนมา ขนาด 6.8 ความลึก 90 กิโลเมตร แต่หากเกิดแผ่นดินไหวที่มีศูนย์กลางที่เกิดแผ่นดินไหว มีความตื้นจะกระทบรุนแรงมากและความเสียหายจะกระจายตัวในวงกว้าง เช่น ที่เกิดในประเทศอิตาลี ขนาด 6.2 ความลึก 5 กิโลเมตร