สปท. จ่อชงใช้ ม.44 ปลดล็อกปัญหาที่ดินในเขตป่า

สังคม
30 ส.ค. 59
14:48
237
Logo Thai PBS
สปท. จ่อชงใช้ ม.44 ปลดล็อกปัญหาที่ดินในเขตป่า
ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนการจัดระเบียบการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าไม้ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ หรือ สปท. เตรียมนำข้อสรุปการประชุมปฏิบัติการแก้ปัญหาที่ดินในป่าอนุรักษ์ทั้ง 254 แห่ง ที่ผ่านการกลั่นกรองและพิสูจน์สิทธิ์ตามมติ ครม.วันที่ 30 มิ.ย.2541 เข้าพิจารณา

วันนี้ (30 ส.ค.) พล.อ.เอกชัย จันทร์ศรี ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนการจัดระเบียบการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าไม้ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวว่า ขณะนี้ สปท.ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เตรียมหารูปแบบในการแก้ปัญหาที่ดินในเขตป่าอนุรักษ์ใหม่ เนื่องจากที่ผ่านมามีการเสนอแนวทางให้แก้ไข โดยใช้มติ ครม.วันที่ 30 มิ.ย. 2541 แต่ ในบ้างพื้นที่ มติ ครม.ก็ไม่ได้เกื้อกูลให้เกิดการแก้ปัญหา ซึ่งจำเป็นต้องใช้ทั้งหลักรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์มาร่วมแก้ปัญหาด้วย

จากการสำรวจของคณะทำงานแก้ปัญหาที่ดินในเขตป่าอนุรักษ์ พบว่า ตัวเลขคนที่อาศัยอยู่ในป่าตามมติคณะรัฐมนตรี 30 มิ.ย.2541ทั้งหมด 254 แห่ง โดยมีความชัดเจนแล้วว่า หากยังไม่ดำเนินการตัดสินใจเพื่อแก้ปัญหาอย่างจริงจังจะเสี่ยงต่อการสูญเสียที่ดินในป่าเพิ่มมากขึ้น

พล.อ.เอกชัย กล่าวต่อว่า ส่วนรูปแบบเบื้องต้นมีข้อเสนอการศึกษาของกรมอุทยานฯ ในการจะใช้พื้นที่แนวกันชนในเขตป่าอนุรักษ์ โดยอาจกำหนดเป็นพื้นที่พิเศษ หรือพื้นที่กิจกรรมที่กำหนดให้มีการใช้ประโยชน์ในที่ดินได้ การจัดหาพื้นที่รองรับแห่งใหม่ที่เหมาะสม เพื่อให้คนอยู่ในป่าได้อย่างยั่งยืน ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด ทั้งนี้ สปท.จะเป็นตัวกลางปลดล็อคปัญหาเก่าที่ยังค้างคา เช่น แก้ไขกฎหมายอุทยาน กฎหมายสัตว์ป่า ให้มีช่องทางในการแก้ปัยหา และอาจเสนอให้นายกรัฐมนตรี ใช้มาตรา 44 แก้ในบางมาตรา หรือระเบียบที่เกี่ยวข้องที่กฎหมายไม่สามารถดำเนินการได้

ด้านนายอดิศร นุชดำรงค์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ยันยันว่า การประชุมปฏิบัติการเพื่อแก้ปัฐญหาที่ดินในเขตป่าอนุรักษ์ จะไม่ใช้แนวทางการเพิกถอนพื้นที่เพื่อใช้กับนโยบายนี้อย่างเด็ดขาด ยังต้องดูรายละเอียดแต่ละพื้นที่ แต่ละภาคให้มีความเหมาะสม ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับข้อสรุปในการหารือครั้งนี้ โดยจะนำมาเป็นหลักการ และแนวทางในการจัดระเบียบเป็นมาตรการกลาง ซึ่งข้อสรุปทาง สปท. จะนำไปหารือกับ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และต้องหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่าจะเห็นชอบกับข้อสรุปนี้หรือไม่ หรือจะให้ปรับแก้ไขอย่างไร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง