โศกนาฏกรรมเรือล่ม พบแล้ว 20 ศพ สูญหาย 9

ภูมิภาค
19 ก.ย. 59
21:22
4,910
Logo Thai PBS
โศกนาฏกรรมเรือล่ม พบแล้ว 20 ศพ สูญหาย 9
เจ้าหน้าที่กู้ภัยและนักประดาน้ำยังคงเร่งค้นหาผู้สูญหายจากเหตุเรือล่มในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหน้าวัดสนามไชย จ.พระนครศรีอยุธยา ขณะที่นักวิชาการวิเคราะห์สาเหตุของอุบัติเหตุว่าคนขับเรืออาจพยายามแซงเรือบรรทุกทรายในช่วงโค้งน้ำ

ผ่านมากว่า 27 ชั่วโมงแล้วที่เจ้าหน้าที่กู้ภัย นักประดาน้ำ ปฎิบัติการค้นห้าผู้ที่สูญหายจากเหตุเรือโดยสารล่มในแม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อเวลาประมาณ 16.20 น. เมื่อวานนี้ (18 ก.ย.2559) ตลอดทั้งวันนี้เจ้าหน้าที่พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 4 คน จนถึงขณะนี้พบผู้เสียชีวิตแล้ว 20 คน บาดเจ็บ 43 คน และสูญหายอีก 9 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้สูงอายุ (ข้อมูล เวลา 19.00 น.)

เรือที่เกิดเหตุเป็นเรือโดยสารของที่ชาวไทยมุสลิมที่เดินทางกลับจากประกอบเพณีของชาวไทยมุสลิม ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีและเป็นประเพณีที่ต้องใช้เรือ

วันนี้ (19 ก.ย.) เจ้าหน้าที่กู้ภัยและนักประดาน้ำกว่า 70 นาย ได้ปูพรมค้นหาร่างผู้สูญหายในรัศมี 10 กิโลเมตร จากความพยายามของนักประดาน้ำกว่า 70 นาย อุปสรรคการค้นหาตลอดทั้งวัน คือ ระดับน้ำที่ไหลเชี่ยวแรง เนื่องจากฝนที่ตกสะสมภาคเหนือตอนบน ทำให้ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเพิ่ม

สุนิภา ศริวรรณโภคะ ต้องสูญเสียสมาชิกในครอบครัวถึง 3 คน จากโศกนาฏกรรมครั้งนี้ และเธอยังคงเฝ้ารอให้เจ้าหน้าที่ค้นหาร่างของญาติที่ยังสูญหายอีก 3 คน เธอบอกว่าแม้จะไม่มีความหวังว่าญาติที่สูญหายอีก 3 คน จะรอดชีวิต แต่ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ค้นหาต่อไปเพื่อนำร่างของญาติกลับไปประกอบพิธีกรรทางศาสนา

โศกนาฏกรรมครั้งนี้ทำให้ชาวไทยมุสลิมที่ร่วมในประเพณีดังกล่าวสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจำนวนมาก ทำให้ครอบครัวและญาติพี่น้องเตรียมหารือกับผู้นำศาสนาเรื่องการยกเลิกการโดยสารทางเรือเพื่อเดินทางไปประกอบประเพณีชาวไทยมุสลิม เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี 2550 แต่ครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตไม่มากเท่าครั้งนี้

ขณะที่นายประยูร รัตนเสนีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ย้ำว่าที่ผ่านมามีมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยเรือโดยสารอยู่แล้วแต่ก็ได้เตรียมหารือ กับกรมเจ้าท่าเพื่อยกระดับความปลอดภัยเรือโดยสารต่อไป เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุเช่นนี้

"เหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นบทเรียนที่ทำให้เจ้าหน้าที่ชี้แจงประชาชนเกี่ยวกับการปฏิบัติตามปประเพณีนี้ซึ่งจะจัดขึ้นในฤดูน้ำหลาก ซึ่งน้ำไหลเชี่ยว" นายประยูรกล่าว

นักวิชาการวิเคราะห์สาเหตุโศกนาฏกรรมเรือล่ม

นอกจากความแรงของกระแสน้ำตรงจุดที่เกิดเหตุแล้ว คลื่นใหญ่จากเรือบรรทุกทรายอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เรือโดยสารลำนี้พลิกคว่ำและจมลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากพยานที่อยู่ในเรือที่เกิดเหตุยืนยันว่าคนขับเรือ ไม่ได้ทิ้งระยะห่างจากเรือบรรทุกทราย และพยายามจะแซงเรือบรรทุกทราย

ก่อนเกิดเหตุ เรือลำนี้ออกเดินทางจากมัสยิดตะเกี่ย ผู้โดยสารขึ้นเรือที่ท่าน้ำมัสยิดภูเขาทอง ต.คลองเคียน มุ่งหน้าไปท่าเรือบริเวณหน้าโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ก่อนจะเดินทางกลับ จ.นนทบุรี เรือแล่นมาในช่องน้ำขาล่องใต้ พยานบนเรือบอกว่า พอมาถึงโค้งน้ำที่เกิดเหตุ คนขับพยายามจะแซงเรือทรายด้านหน้า เพราะช่วงจะตีเข้าโค้งน้ำ เรือทรายต้องใช้พื้นที่มากกว่าปกติทำให้เรือโดยสารเบนออกด้านขวา และพุ่งเข้าไปที่เขื่อนริมตลิ่งหน้าวัดสนามไชย ท้ายเรือไปชนกับแนวเขื่อนคอนกรีตป้องกันกระแสน้ำกัดเซาะ

ผศ.ธนภัทร์ วานิชานนท์ ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล วิเคราะห์สาเหตุของโศกนาฏกรรมครั้้งนี้จากคลิปวิดีโอที่มีการบันทึกขณะเรือแล่นก่อนจะจม เขาเห็นว่านอกจากประสบการณ์และไม่คุ้นชินเส้นทางแล้ว การแซงทางโค้งในช่วงที่น้ำไหลเชี่ยว อาจเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้

คลิปวิดีโอที่มีผู้บันทึกไว้แสดงให้เห็นว่า เรือลำที่ประสบอุบัติเหตุแล่นมาด้วยความเร็ว ประกอบกับการล่องตามน้ำที่ไหลเชี่ยวเป็นแรงส่งให้เรือมีความเร็วเพิ่มขึ้น คนขับเรือลำนี้ อาจต้องพยายามเบี่ยงลำเรือออกทางขวา เพื่อแซงเรือลากจูงที่อยู่ตรงหน้า อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เห็นว่าการแซงช่วงโค้งแม่น้ำ ไม่ใช่สิ่งปกติของการเดินเรือ เมื่อน้ำมีความเชี่ยว คนขับไม่ชินเส้นทาง และถูกรบกวนจากคลื่นน้ำของเรือลากจูง จึงควบคุมเรือไม่อยู่ ทำให้เรือกระแทกกับตอม่อตลิ่งอย่างแรงจนเรือล่ม

ดังนั้นคนขับเรือจึงไม่ควรแซง แต่ควรชะลอความเร็วเพื่อให้เรือลากจูงแล่นผ่านโค้งน้ำไปก่อน จะปลอดภัยกว่า

มีข้อเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งกำหนดช่วงการเดินเรือในแม่น้ำ พร้อมจัดระเบียบการจราจรทางน้ำ โดยอาจถึงขั้นกำหนดให้เป็นกฎที่ชัดเจน ถึงระยะการเข้าใกล้กันของเรือ 2 ลำ หรือ ระยะห่างการเดินเรือ ที่สำคัญคนขับเรือต้องมีประสบการณ์เดินเรือ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง