วันนี้(3 พ.ย.2559) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นางฮิลลารี คลินตัน ใช้โอกาสในการปราศรัยหาเสียงในรัฐแอริโซนา เรียกร้องให้กลุ่มผู้สนับสนุนสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยการเลือกพรรคเดโมแครต รวมทั้งยังให้คำมั่นว่าจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่รัฐแอริโซนา หากได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
นอกจากนี้ยังกล่าวโจมตีนโยบายด้านการต่างประเทศของ นายโดนัลด์ ทรัมพ์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ว่าเป็นนโยบายที่อันตรายอย่างมาก เนื่องจากจะสร้างความขัดแย้งระหว่างชาวอเมริกันกับกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นชาวมุสลิมและชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน
อย่างไรก็ตาม นางฮิลลารีใช้เวลาในช่วงโค้งสุดท้ายเดินสายหาเสียงตามรัฐสวิงสเตท ซึ่งเป็นรัฐสมรภูมิเพื่อชิงชัยในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยการกล่าวสุนทรพจน์แสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างนโยบายการบริหารประเทศของเธอกับนายทรัมพ์
ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมพ์ ใช้โอกาสในการเดินสายหาเสียงที่เมืองเพนซาโคลา ในรัฐฟลอริดา กล่าวโจมตีนโยบายการตรวจคนเข้าเมืองของนางฮิลลารี และให้คำมั่นว่าจะยกเลิกการให้เงินทุนแก่เมืองที่เป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มผู้อพยพผิดกฎหมาย เช่น นครซานฟรานซิสโก ในรัฐแคลิฟอร์เนีย หากได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี
นายทรัมพ์ ระบุว่า จะให้ประเทศในกลุ่มอาหรับที่รํ่ารวยเป็นผู้บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวซีเรียหลายล้านคนที่ต้องอพยพออกนอกประเทศ เพื่อลี้ภัยสงครามกลางเมือง
ขณะที่ผลสำรวจคะแนนนิยม ล่าสุดโดยสำนักข่าวรอยเตอร์สร่วมกับอิปซอส พบว่า นางฮิลลารีกลับมามีคะแนนนำนายทรัมพ์อยู่ 6 จุด ดังเช่นในช่วงก่อนที่สำนักงานสืบสวนกลางสหรัฐอเมริกา (เอฟบีไอ) จะประกาศรื้อฟื้นการสอบสวนกรณีการใช้อีเมลส่วนตัวในการติดต่อราชการของนางฮิลลารีเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ขณะที่ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แสดงจุดยืนสนับสนุนนายทรัมพ์ให้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เนื่องจากชัยชนะของนายทรัมพ์จะทำให้โลกเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ ผู้นำกัมพูชา ยังระบุว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกาภายใต้การบริหารของนายทรัมพ์จะช่วยฟื้นความสัมพันธ์กับรัฐบาลรัสเซียได้เป็นอย่างดี เนื่องจากในฐานะนักธุรกิจ นายทรัมพ์ย่อมไม่ต้องการให้เกิดสงครามหรือความขัดแย้งใดๆ