ผู้ว่าฯพิจิตรออกมาตรการทำข้าวถุง "ดาวชาละวัน" ช่วยเหลือชาวนา

ภูมิภาค
7 พ.ย. 59
16:02
424
Logo Thai PBS
ผู้ว่าฯพิจิตรออกมาตรการทำข้าวถุง "ดาวชาละวัน" ช่วยเหลือชาวนา
ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรออกมาตรการทำข้าวสารถุงยี่ห้อดาวชาละวัน เพื่อช่วยชาวนาหลังจากราคาข้าวตกต่ำ โดยมีลูกค้าเป้าหมายเป็นชาวพิจิตรและประชาสัมพันธ์การขายผ่านสื่อสังคมออนไลน์

วันนี้ (7 พ.ย.2559) นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เปิดเผยมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวชาวนาพิจิตรภายใต้โครงการคนพิจิตร กินข้าวพิจิตร ที่จัดโดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดพิจิตร และ บริษัทประชารัฐรักสามัคคีพิจิตร (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด ว่า เพื่อเป็นการช่วยเหลือชาวนาจะได้ดำเนินการให้โรงสีชุมชน 80 แห่ง กลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการแปรรูปข้าวสารคุณภาพ (OTOP) 40 กลุ่ม ช่วยกันทำข้าวถุงขาย ภายใต้ชื่อ “ดาวชาละวัน” มีลูกค้าเป้าหมายเป็นชาวพิจิตรและประชาสัมพันธ์การขายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ที่จะช่วยอุดหนุนรวมถึงขณะนี้ก็มีกลุ่มผู้รักสุขภาพ ค่ายทหารจาก มทบ.36 โรงพยาบาล โรงเรียน และส่วนราชการให้ความสนใจขอสั่งซื้อ ซึ่งคาดว่าจะเป็นการกระตุ้นให้ราคาข้าวในท้องตลาดขยับสูงขึ้น รวมถึงเป็นการส่งเสริมให้ชาวนาปลูกข้าวขายข้าวสารแทนการขายข้าวเปลือก ซึ่งจะทำให้มีรายได้สูงขึ้น

 

 

ส่วนในมาตรการการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2559/2560 ถ้าเป็นชาวนาผู้ปลูกข้าวหอมมะลิที่ขึ้นทะเบียนไว้กับสำนักงานเกษตรจะมีสิทธิ์ได้รับความช่วยเหลือไร่ละ 800 บาท แต่ไม่เกิน 15 ไร่ หรือคิดเป็นเงินจะได้รายละ 12,000 บาท ผู้มีสิทธิ์ที่จะได้เงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากรัฐบาล คือ 1. เป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิ และ กข.15 ที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรไว้กับสำนักงานเกษตร 2. เป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในเขตพื้นที่จ.พิจิตร 3. เป็นเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวผลผลิตนับตั้งแต่วันที่ ครม.ประกาศอนุมัติให้การช่วยเหลือ นั่นคือ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2559 - 28 ก.พ.2560 ส่วนแนวทางที่จะได้เงินนั้น นายมงคล ผดุงไทย ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พิจิตร กล่าวว่า ชาวนาจะได้รับเงินโอนเข้าบัญชี ธ.ก.ส.แบบอัตโนมัติ เนื่องจาก ธ.ก.ส.และสำนักงานเกษตร มีฐานข้อมูลเกษตรกรทุกรายเข้าสู่ระบบเดียวกันไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

 

นางกาญจนา ชมมี พาณิชย์จังหวัดพิจิตร กล่าวว่า เตรียมจัดโครงการจัดตลาดนัดข้าวเปลือก ครั้งที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 9-13 พ.ย.2559 ในพื้นที่ อ.ทับคล้อ (สหกรณ์การเกษตรทับคล้อ), ครั้งที่ 2 จะจัดขึ้นวันที่ 10-14 พ.ย.2559 ในพื้นที่ อ.วังทรายพูน (สหกรณ์ชาวนาวังทรายพูน), ครั้งที่ 3 จะจัดขึ้นวันที่ 15-19 พ.ย.2559 ในพื้นที่บางมูลนาก (อบต.ลำประดา) ซึ่งจะเป็นตลาดนัดซื้อขายข้าวเปลือกที่จะมีผู้รับซื้อมากรายมาช่วยรับซื้อผลผลิตของเกษตรกรในราคายุติธรรม จึงขอเชิญชวนเกษตรกรนำผลผลิตไปจำหน่ายในเวลา 08.00-17.00 น.

สำหรับการจัดโครงการดังกล่าว ซึ่งจัดขึ้นที่ห้องประชุมโรงแรมมีพรสวรรค์ อ.เมือง จ.พิจิตร โดยมีนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มาร่วมสังเกตการณ์ และซักถามพูดคุยกับผู้ว่าฯพิจิตร รวมถึง นางมิ่งขวัญ พุกเปี่ยม ประธานชมรมโรงสี ถึงเรื่องมาตรการรับซื้อข้าวจากชาวนา โดยขอร้องให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและไม่ควรหยุดการรับซื้อข้าว ซึ่งนางมิ่งขวัญ ประธานชมรมโรงสีข้าวพิจิตร ก็อธิบายแบบแบ่งรับแบ่งสู้ว่าอาจมีโรงสีหรือท่าข้าวขนาดเล็กที่ขาดเงินทุนหมุนเวียนก็อาจจะต้องมีการหยุดรับซื้อข้าวเปลือกบ้างในบางกรณี แต่จะพยายามประสานว่าถ้าจะหยุดรับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาควรต้องขึ้นป้ายบอกล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 วัน เพื่อไม่ให้ชาวนาขนข้าวมาเก้อ อีกทั้งเรื่องราคาข้าว นางกาญจนา พาณิชย์จังหวัดพิจิตร ได้รับปากว่าจะให้โรงสีขึ้นป้ายรับซื้อข้าวให้ชัดเจน อีกทั้งจะแจ้งข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ให้สื่อมวลชนและสถานีวิทยุชุมชน รายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกฝ่ายก็มั่นใจว่าในช่วงเดือนพฤศจิกายนจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 500,000 ตันเศษ และเดือนธันวาคม จะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 67,000 ตันเศษ มาตรการการช่วยเหลือจากทางรัฐบาลและจากส่วนราชการของ จ.พิจิตร น่าจะเป็นที่พึงพอใจของเกษตรกรและจะร่วมฝ่าฟันวิกฤติราคาข้าวตกต่ำให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

 

 

สำหรับนายณรงค์ จักขุจันทร์ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 308 หมู่ 1บ้านทุ่งใหญ่ ต.ทุ่งใหญ่ อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร มีอาชีพทำนา 47 ไร่ และเป็นกำนัน ต.ทุ่งใหญ่ และนายพยุงศักดิ์ สิทธิลภ เกษตรกร อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาข้าวเปลือกตกต่ำเหลือเพียงแค่ตันละ 5,000-6,000 บาท เหตุเป็นเพราะเป็นช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว จึงได้ออกส่งเสริมให้ชาวนาของ ต.ทุ่งใหญ่ใน 19 หมู่บ้าน มีพื้นที่การทำนาประมาณ 24,000 ไร่ ทำนาปลูกข้าวเกษตรอินทรีย์ที่ไม่ใช้สารเคมี ปลูกข้าวหอมมะลิ, กข. 15, ข้าวหอมปทุมเทพ (กข. 41) ผลผลิตที่เหลือประมาณ 40% กำลังเริ่มเก็บเกี่ยว ได้นำข้าวเปลือกไปตากให้แห้งที่ลานตากข้าวในวัดทุ่งใหญ่ จากนั้นก็ใส่กระสอบเก็บไว้ในยุ้งฉางกลางของหมู่บ้าน รวมถึงเก็บไว้ใต้ถุนบ้านเพื่อเป็นการชะลอการขายรอจนกว่าราคาข้าวน่าพอใจจึงจำนำออกขาย หรือถ้ารีบใช้เงินก็ให้นำไปแปรรูปในโรงสีชุมชนของหมู่บ้านทำเป็นข้าวสารบรรจุถุงขาย ซึ่งจะได้เงินมากกว่าขายเป็นข้าวเปลือกให้กับโรงสี ซึ่งก็ปรากฏว่ามีชาวนาจำนวนมากเห็นด้วยกับแนวคิดวิธีนี้ จึงรวมตัวกันช่วยกันตากข้าวแล้วเก็บเข้ายุ้งฉาง เพื่อชะลอการขายเป็นการสร้างราคาตลาดให้สูงขึ้นในทางอ้อมได้อีกด้วย

สำหรับชาวนาถ้ามีปัญหาเรื่องการขายข้าวหรือแนวทางการช่วยเหลือสามารถโทรศัพท์สอบถามได้ที่นางกาญจนา พาณิชย์จังหวัดพิจิตร โทร 081-9730054 ส่วนประชาชนที่สนใจต้องการซื้อข้าวขาว จ.พิจิตร ตรา "ดาวชาละวัน" โทร 056-611089

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง