วันนี้ (18 พ.ย.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกาศนโยบาย ให้รถตู้โดยสารสาธารณะหมวด 2 ซึ่งให้บริการในเส้นทางกรุงเทพฯและต่างจังหวัด รัศมีไม่เกิน 300 กม. ภายใต้การดูแลของ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) จำนวนกว่า 4,000 คัน ย้ายออกจากบริเวณรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปอยู่ที่สถานีขนส่งกรุงเทพ (หมอชิตใหม่) สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ และสถานีขนส่งเอกมัย
ธีรวรรณ ตันอารีย์ ผู้ใช้บริการรถตู้โดยสาร เปิดเผยว่า แม้จะพยายามเตรียมการล่วงหน้าก่อนเดินทาง ทั้งศึกษาข้อมูล และวางแผนเดินทางโดยรถชัตเทิลบัสที่กรมขนส่งทางบกจัดไว้ให้ แต่ยังรู้สึกไม่สะดวกเหมือนการใช้บริการคิวรถตู้ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเหมือนเดิม ซ้ำต้องเผื่อเวลาเดินทางจากปกติครึ่งชั่วโมงเป็น 2 ชั่วโมง จึงเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนมาตรการนี้ เพราะจำเป็นต้องเดินทางกลับต่างจังหวัดทุกสัปดาห์
สอดคล้องกับอัฐภิญญา เปลื้องรัมย์ ผู้ใช้บริการคนหนึ่ง กล่าวว่า ตัวเองเดินทางมาใช้บริการครั้งแรกหลังจัดระเบียบใหม่ จึงยังรู้สึกสับสน อีกทั้งระยะทางนับจากลงรถเมล์ มายังคิวรถตู้ใหม่ไกลมาก จึงรู้สึกไม่สะดวกในการเดินทาง
ขณะที่ ศิริเชษฐ์ เหล่าชัย คนขับรถตู้ กล่าวว่า ส่วนแบ่งรายได้ลดลงหลังย้ายคิวมาอยู่ที่สถานีขนส่งหมอชิตใหม่ เนื่องจากผู้โดยสารส่วนใหญ่เดินทางไม่สะดวกเหมือนอยู่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จึงไม่เดินทางตามยังคิวรถใหม่ พร้อมยอมรับว่าคนขับรถตู้บางส่วน โทรศัพท์นัดแนะกับผู้โดยสารที่ใช้บริการเป็นประจำ กำหนดจุดรับในเส้นทางเพื่ออำนวยความสะดวก แม้ผิดกฎหมาย
ก่อนหน้านี้ กรมขนส่งทางบกรายงานผลการประเมินย้ายคิวรถตู้ใหม่ว่า ยอดผู้ใช้บริการลดลงประมาณร้อยละ 10 และอาจปรับพฤติกรรมการเดินทางจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเพื่อขึ้นรถ บขส. ตามสถานีขนส่งทั้ง 3 แห่งด้วยตัวเอง แต่สามารถลดปัญหาการจราจรโดยรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และผู้มีอิทธิพล
ขณะที่อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ระบุว่า จากการดำเนินการจัดระเบียบถือว่าได้รับความร่วมมือดี เเละระบบของรถโดยสารเเละการจราจรคล่องตัว 200 วิน 4,200 คัน ย้ายไปให้บริการที่สถานีขนส่งหลัก เเละเชื่อว่าผู้โดยสารน่าจะคุ้นชินเเล้ว ซึ่งกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า จะเดินหน้ากวดขันให้รถตู้โดยสารอย่างจริงจัง หากกระทำผิดซ้ำมีโทษถึงเพิกถอนใบอนุญาต