หลังจากชาวบ้านเกาะลิบง จังหวัดตรัง ที่พบซากพะยูน เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างละเอียด หลังส่งซากพะยูนที่สมบูรณ์ไปผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตาย แต่เขี้ยวพะยูนหายไประหว่างรอทีมแพทย์
วันนี้ (18 พ.ย.2559) สัตวแพทย์หญิงชวัญญา เจียกธัญญู สัตวแพทย์ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรและทรัพยากรชายฝั่งทะเลอันดามันจังหวัดภูเก็ต นำทีมผ่าพิสูจน์ซากพะยูนทั้ง 4 คน เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานว่า ซากพะยูนที่ได้รับมาพิสูจน์นั้นถูกตัดเขี้ยวด้านซ้ายไป
ส่วนสาเหตุที่ต้องเข้าแจ้งความ เนื่องจากชาวบ้านเกาะลิบง จ.ตรัง ผู้พบซากพะยูน ยืนยันว่า ขณะพบซากพะยูน ยังมีเขี้ยวครบทั้งสองข้าง สอดคล้องกับข้อมูลของอาสาสมัครกลุ่มพิทักษ์ดุหยง ที่ยืนยันว่าขณะที่ทางกลุ่มได้นำซากพะยูนไปส่งให้เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ที่หน้าสถานีตำรวจภูธรกันตัง เพื่อเจ้าหน้าที่ได้แจ้งความลงบันทึกประจำวัน เขี้ยวทั้ง 2 ข้างมีอยู่ครบ
จากนั้นเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเกาะลิบง ได้นำซากพะยูนมาไว้ที่สถาบันทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง และรุ่งเช้าก็ได้ทราบว่าเขี้ยวของพะยูนถูกตัดไป ซึ่งสงสัยว่าอาจจะเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ที่ส่งซากพะยูน จึงต้องการเรียกร้องให้มีการตรวจสอบให้ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ต่อมาเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ยอมว่า เป็นผู้ตัดเขี้ยวพะยูนออกไป ชาวบ้านตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ ที่อ้างว่าเพื่อนำเขี้ยวไปศึกษาและทำประวัติ เช่น อายุ เพศ ทั้งที่ เจ้าหน้าที่ไม่มีองค์ความรู้และวิชาการด้านนี้
อีกทั้งยังตัดในที่ลับตาคน ซึ่งส่อเจตนาไม่บริสุทธิ์ หากชาวบ้านไม่ทราบเรื่อง ก็เชื่อว่า เขี้ยวของพะยูนตัวนี้ จะถูกนำไปขายให้กับนายทุนอย่างแน่นอน ทั้งนี้จะเอาผิดกับเจ้าหน้าที่จนถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำ
สำหรับซากพะยูนตัวนี้เป็นพะยูนเพศผู้ อายุประมาณ 30-40 ปี ความยาวประมาณ 250 เซนติเมตร ขนาดรอบตัวประมาณ 166 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 250 กิโลเมตร มีความสมบูรณ์เต็มวัยสภาพซากสดตายไม่เกิน 1 วัน