ความคืบหน้ากรณีพบซากวาฬบรูด้าลอยติดหัวเรือบรรทุกสินค้าในเขตท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี
วันนี้ (25 พ.ย.2559) น.ส.สุทธิลักษณ์ ระวิวรรณ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หรือ ทช. บอกว่า จากการผ่าชันสูตรซากหาสาเหตุการตายโดยทีมสัตวแพทย์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตบางพระ และ ทช. พบว่า เป็นวาฬบรูด้าตัวเต็มวัย เพศเมีย ขนาดความยาว 13.8 เมตร น้ำหนักตัวประมาณ 18 ตัน สภาพซากเน่ามาก คาดว่าตายมาแล้วประมาณ 1 สัปดาห์ ชิ้นส่วนร่างกายยังคงอยู่ครบ บริเวณท้ายลำตัวพบรอยแผลเป็นเก่าและใหม่จากฉลามกัด ที่สำคัญพบกระดูกบริเวณครีบขวาและกระดูกซี่โครงหัก และพบเลือดคั่งบริเวณร่างกายของวาฬส่วนที่ติดกับส่วนท้องของหัวเรือ คาดว่ามาจากการถูกเรือชน
นอกจากนี้ยังพบร่องรอยการอักเสบในช่องอกและการคั่งของเลือดหลายตำแหน่ง สัตวแพทย์จึงลงความเห็นว่าวาฬบรูด้าดังกล่าวมีอาการป่วยอยู่ก่อนแล้ว จึงถูกเรือชนขณะยังมีชีวิตอยู่
ขณะนี้สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 2 ได้แจ้งความและลงบันทึกประจำวันไว้เรียบร้อยแล้วที่ สภ. แหลมฉบัง เนื่องจากวาฬบรูด้าเป็นสัตว์ป่าสงวนลำดับที่ 16 ที่ได้รับการคุ้มครองภายใต้พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 พร้อมทั้ง ประสานขอความร่วมมือกับท่าเรือแหลมฉบังและเครือข่ายอนุรักษ์ในพื้นที่ เพื่อรวบรวมหลักฐานเชิงประจักษ์ประกอบการสืบหาข้อเท็จจริงในการดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมสัตวแพทย์ได้ตรวจสอบพบร่องรอยแผลสดจากการกัดของฉลามสายพันธุ์ cookie cutter shark ซึ่งอยู่น้ำลึก ไม่มีในเมืองไทย และแผลมีความสดอยู่คาดว่าไม่เกิน 1 สัปดาห์ เนื่องจาก รอยกัดจะมีลักษณะเป็นรอยแหว่งอย่างสวยงามเหมือนรอยคุกกี้จากการกัด ด้วยการใช้ฟันแถบบนในการยึดและฟันแถบล่างในการเฉือนแล้วหมุนตัวด้วยความเร็วจนครบรอบ ทำให้เนื้อถูกตัดออกมา