ผบ.ตร.ยืนยันพร้อมพิจารณาโทษ หากผู้ก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์ที่สุพรรณบุรีเป็นตำรวจ

อาชญากรรม
25 พ.ย. 59
12:27
303
Logo Thai PBS
ผบ.ตร.ยืนยันพร้อมพิจารณาโทษ หากผู้ก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์ที่สุพรรณบุรีเป็นตำรวจ
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพร้อมพิจารณาโทษ หากผู้ก่อเหตุชิงทรัพย์รถยนต์ขนเงินธนาคารใน จ.สุพรรณบุรี เป็นตำรวจจริง พร้อมเร่งขยายผลว่ายังมีผู้เกี่ยวข้องในการก่อเหตุอีกหรือไม่

วันนี้ (25 พ.ย.2559) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกรณีการจี้ชิงทรัพย์พนักงานธนาคารกรุงไทย 3 คน ระหว่างนำเงินใส่ตู้เอทีเอ็มภายในปั้มน้ำมัน อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ได้เงินสดไปกว่า 5 ล้านบาทว่า สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุได้แล้ว พร้อมยึดเงินสดของกลางคืนได้จำนวนหนึ่ง แต่ยังไม่ยืนยันว่าผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจหรือไม่ แต่จากลักษณะการก่อเหตุเชื่อได้ว่ามีความเชี่ยวชาญด้านการใช้อาวุธและยุทธวิธี โดยมีการวางแผนก่อเหตุเป็นขั้นตอนและมีผู้ร่วมก่อเหตุมากกว่า 1 คน ซึ่งอยู่ระหว่างการขยายผล

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าหากผู้ที่ก่อเหตุเป็นตำรวจจริง ก็มีขั้นตอนการพิจารณาโทษอยู่แล้ว ส่วนกรณีโยกย้ายผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสองพี่น้องไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 7 เป็นดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชา ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการปล่อยปละละเลย หรือจะมีตำรวจในพื้นที่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ โดยในช่วงบ่ายวันนี้ จะลงพื้นที่เข้าไปสอบปากคำด้วยตัวเองอีกครั้ง

ส่วนความคืบหน้ากรณีการจี้ชิงทรัพย์พนักงานธนาคารกรุงไทยใน อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ล่าสุด มีรายงานว่า ทีมสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 7 ทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว เป็นตำรวจ จ.ชลบุรี และสามารถควบคุมตัวได้แล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการสืบสวนว่านำเงินของกลางไปซ่อนไว้ยังจุดใด

ส่วนผู้ที่ร่วมก่อเหตุอีก 2 คน คือคนขายอาหารภายในปั้มน้ำมันที่เป็นผู้ชี้เป้าและพี่ชายตำรวจนายดังกล่าวเป็นผู้พาหลบหนีไปซ่อนตัวที่บ้านแฟนสาวของพี่ชายผู้ก่อเหตุที่หมู่ 1 ต.ดอนมะนาว อ.สองพี่น้อง ซึ่งตำรวจได้เข้าตรวจค้น และได้ตรวจบ้านร้างหลังโรงเจ หมู่ 1 ต.ดอนมะนาว ที่พบรถจักรยานยนต์คันใช้ก่อเหตุ และของกลางเป็นเสื้อกางเกงและพบหมวกกันน๊อคที่ใช้ก่อเหตุในบ่อน้ำ

เมื่อคืนที่ผ่านมา พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 7 ได้มีคำสั่งย้าย พ.ต.อ.สุเทพ รักษาผล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสองพี่น้อง ไปช่วยราชการที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 7 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง เนื่องจากคดีไม่มีความคืบหน้า

ข่าวที่เกี่ยวข้อง