ความเคลื่อนไหวกฎหมายลูกรัฐธรรมนูญในข้อที่เกี่ยวกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ยังคงยืนยันในหลักการเดิมว่า การยุบเลิกคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดหรือ กกต.จังหวัด เพื่อให้เกิดความเป็นอิสระ และปราศจากการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง โดยบัญญัติเรื่องผู้ตรวจการเลือกตั้งขึ้นแทน
"ถ้าให้ข้าราชการมาเป็นคนกำกับเลือกตั้ง กกต.ก็เคยบอกว่า ต้องเป็นคนอิสระ ถ้าไปเอาข้าราชการมา ก็กลัวความเป็นอิสระ กลัวถูกสั่งได้ ก็ต้องไม่เอาคนที่เป็นราชการ" นายมีชัย กล่าว
ขณะที่ กกต.มองว่า ไม่มีบทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าการมีผู้ตรวจการเลือกตั้งจะสามารถแก้ปัญหาการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองได้ ขณะที่การมี กกต.จังหวัด ก็ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า เป็นกลไกที่ถูกแทรกแซง โดย กกต.เตรียมส่งหนังสือทักท้วงไปยัง กรธ.เร็วๆ นี้
ขณะที่ข้อทักท้วงต่างๆ ต่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่หลายพรรคการเมืองร่วมกันเสนอผ่านเวทีรับฟังความเห็นนั้น กรธ.ได้มีการปรับแก้แล้ว อาทิ ทุนประเดิมพรรคการเมือง จากคนละไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท แต่ไม่เกิน 5 แสนบาท เหลือคนละไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท แต่ไม่เกิน 3 แสนบาท การจัดระเบียบสมาชิกจาก 20,000 คน เหลือ 10,000 คน ภายใน 4 ปี และการแก้โทษกรณีพรรคการเมืองไม่ดำเนิน 4 กิจกรรมตามมาตรา 23 โดยเฉพาะการไม่เสนอทางแก้ไขปัญหาประเทศ รวมถึงการสร้างความปรองดอง โดยประธาน กรธ.ยอมรับว่า เป็นเรื่องที่ชี้วัดได้ยากตามที่พรรคการเมืองเสนอแนะ
แต่ กรธ.ยังคงย้ำในหลักการเดิมที่จะคงโทษสูงสุดในการซื้อขายตำแหน่งทางการเมืองไว้คงเดิม คือ โทษประหารชีวิต ในกรณีที่การซื้อขายทำให้เกิดความเสียหายใหญ่ แต่มีการเพิ่มรายละเอียดให้มีโทษจำคุก 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลต่อพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละกรณีไป