เมื่อเวลา 21.30 น.วันนี้ (9 ม.ค.2560) ที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคึรีขันธ์ เกิดสถานการณ์น้ำท่วมในระดับวิกฤตในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่บริเวณแยกบางสะพาน ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ โพสต์ภาพรถยนต์จมน้ำเกินครึ่งคัน และระดับน้ำบางจุดสูงเกิน 1 เมตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระดับน้ำที่ท่วมใน อ.บางสะพานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ช่วงค่ำ เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่ตกต่อเนื่องรวมกับน้ำป่าที่มาจากเทือกเขาตะนาวศรี ทำให้มวลน้ำก้อนใหญ่ไหลลงสู่ถนนเพชรเกษม ระดับน้ำสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงค่ำที่ผ่านมา และมีรถยนต์ที่จมน้ำอยู่บริเวณแยกบางสะพานแล้วกว่า 20 คัน และขณะนี้น้ำทะลักเข้าสู่ด้านในโรงพยาบาลบางสะพานแล้ว
มีรายงานว่า อ่างเก็บน้ำ 3 แห่ง น้ำได้ล้นสปิลเวย์และล้นอ่างเก็บน้ำ แต่ผู้สื่อข่าวไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้ เนื่องจากน้ำป่าได้ไหลบ่าออกมาและไหลเชี่ยวกรากเป็นอย่างมาก
ส่วนที่ รพ.บางสะพาน ได้มีการลำเลียงผู้ป่วยขึ้นไปอยู่บนอาคาร 6 ชั้น และให้ทหารขนย้ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ไปอยู่ในจุดที่น้ำท่วมไม่ถึงแล้ว
บริษัท ขนส่ง จำกัด เปิดเผยว่าขณะนี้ รถของ บขส.ไม่สามารถสัญจรผ่านบริเวณถนนเพชรเกษมช่วงหลัก กม.ที่ 385-386ได้ เนื่องจากระดับน้ำสูงขึ้น ซึ่งขณะนี้รถโดยสารของ บขส.ได้พักที่ร้านอาหารทับสะแก เช่นเดียวกับรถที่กำลังจะมุ่งหน้ามายังกรุงเทพฯได้จอดพักรถที่บริเวณที่ร้านอาหาร จ.ชุมพร เพื่อรอประสานงานกับกรมทางหลวงเพื่อเลี่ยงเส้นทาง อย่างไรก็ตามยืนยันว่าขณะนี้ บขส.ยังไม่มีการหยุดการเดินรถ
กรมชลประทาน ยืนยัน อ่างเก็บน้ำ 3 แห่งใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ "ไม่แตก"
นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 19.00น. เนื่องจากมีฝนตกหนักมาก ในเขตอำเภอบางสะพาน วัดได้เมื่อเช้าวันนี้ (9 ม.ค. 60) 167 มิลลิเมตร และยังตกต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ทำให้เกิดน้ำล้นสันเขื่อนโป่งสามสิบ ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำชลประทานขนาดเล็ก ความจุ 850,000 ลูกบาศก์เมตร และเขื่อนคลองลอย ความจุ 260,000 ลูกบาศก์เมตร มีน้ำไหลล้นทางระบายน้ำล้น (spillway) แต่ไม่ไหลข้ามสันเขื่อน ซึ่งอ่างเก็บน้ำทั้ง 2 แห่งนี้ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอำเภอบางสะพาน ระยะห่างประมาณ 14 กิโลเมตร โดยน้ำจะใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 4 – 6 ชั่วโมง
ในพื้นที่ด้านท้ายอ่างเก็บน้ำ มี 5 หมู่บ้าน และประชากรประมาณ 1,000 ครัวเรือน อาศัยอยู่ กรมชลประทาน ได้แจ้งทางจังหวัดเพื่อแจ้งเตือนประชาชนทั้ง 5 หมู่บ้านอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว
ทั้งนี้ ลักษณะของน้ำล้นอ่างเก็บน้ำทั้ง 2 แห่ง เกิดเนื่องจากฝนที่ตกหนักในพื้นที่เหนืออ่างฯ ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯเป็นจำนวนมาก จนเกินระดับเก็บกักและไหลล้นออกทางระบายน้ำล้น(Spillway) ลงสู่พื้นที่ด้านท้ายอ่างฯ เป็นปริมาณมาก ทำให้ดูเสมือนว่าอ่างเก็บน้ำแตก จนนำไปสู่ข่าวลือกระจายไปอย่างรวดรวด โดยข้อเท็จจริงแล้วปริมาณน้ำที่ไหลล้นออกมานี้ เป็นปริมาณน้ำส่วนเกิน และไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแข็งแรงของตัวอ่างฯ แต่อย่างใด จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบโดยทั่วกัน ปัจจุบันในพื้นที่มีฝนตกปานกลางถึงหนัก ในเขตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และเพชรบุรี คาดว่าพรุ่งนี้สถานการณ์จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม กรมชลประทาน ได้ให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไปแล้ว
