จากกรณีเสือโคร่งเพศผู้ ซึ่งนักวิจัยกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ตั้งชื่อว่า “บุญเหลือ” หลังจากตรวจลายพาดกลอน และภาพถ่ายสัตว์ป่ายืนยันว่าเป็นเสือโคร่งรหัส HKT178 ที่เกิดในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี และเดินทางไปที่ป่าแม่วงก์ และไปพบอีกครั้งที่อ.เถิน จ.ลำปาง ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และนำตัวมารักษาอาการที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยยางปาน อ.ฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา พบว่าอาการหนัก และตายเมื่อวานนี้(17 ม.ค.)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวเน็ต และกลุ่มอนุรักษ์ ได้ร่วมกันแสดงความเสียใจกับการตายของเสือโคร่งตัวนี้ โดยเฟชบุ๊กของ สาคร คำภิระแปง โพสต์ข้อความว่า #RIP เจ้าบุญเหลือเดินทางมาจากที่ไกลแสนไกล เพื่อหาพื้นที่ อาณาเขตให้ตัวเองสุดท้ายชีวิตก็ไม่ได้สวยงามอย่างที่เจ้าหวัง ไปสู่ภพภูมิที่ดีนะ #คนรักสัตว์
ขณะที่เฟชบุ๊กของ Saksit Simcharoen ก็มีคนมาแสดงความเห็นและแสดงความเสียใจ เนื่องจาก ดร.ศักดิ์สิทธิ์ ซิ้มเจริญ หัวหน้ากลุ่มงานวิจัยสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นนักวิจัยเสือโคร่งในป่าห้วยขาแข้งมาหลายปีแล้ว และก่อนหน้านี้การพบว่าเสือตัวนี้ เดินทางไปถึงพื้นที่จ.ลำปาง นักวิจัย ได้มีความหวังว่าเป็นการขยายอาณาเขตของเสือโคร่งจากป่าห้วยขาแข้งไปยังป่าอื่นๆ
โดยเขาโพสต์ข้อความว่า "ดีใจไม่กีวันเอง. ได้รับข่าวรู้สึกเศร้า. คิคถึงครับ" พร้อมกับนำภาพจากกล้องดักถ่ายภาพสัตว์ที่บันทึกภาพ ของเจ้าบุญเหลือ ไว้ได้
ขณะที่เฟชบุ๊กของ Achara Sim ระบุว่า อยากให้มีการถอดบทเรียนจากจุดจบเสือโคร่งป่าโดยอธิบายว่าเสือเพศผู้ บุญเหลือ HKT178 ขนาดพื้นที่หากินเสือโคร่งเพศเมีย ขึ้นกับปริมาณเหยื่อ ส่วนเพศผู้นั้น จะใช้พื้นที่ร่วมกับตัวเมีย2-4ตัว ขึ้นกับศักยภาพเฉพาะของเสือโคร่งผู้แต่ละตัวแต่จะไม่ยอมให้ตัวผู้อื่นหรือ แม้แต่ลูกเพศผู้ใช้พื้นที่ร่วมด้วย นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวผู้ต้องเดินทางไกล และมีความเสี่ยงตลอดเวลาที่หาบ้านอยู่ไม่ได้ เสือ บุญเหลือ เดินทางไกล ผ่านป่าอนุรักษ์หลายแห่งแต่ ทำไม ไม่สามารถยึดพื้นที่เพื่อหากินและสืบต่อพันธุ์ได้ ทำไม?
ด้านแหล่งข่าวจากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ยอมรับว่า เป็นความสูญเสียเสือโคร่งจากป่าธรรมชาติอีก 1 ตัว ซึ่งขณะนี้ต้องรอผลการชันสูตรซากของเสือตัวนี้ แต่จากรายงานเสือโคร่ง ได้รับบาดเจ็บหนักในช่วงที่เจ้าหน้าที่ไปพบตัว มีกระสุนลูกซองฝัง 7 เม็ดและโดนในจุดสำคัญ ส่วนสภาพภายนอกบอบช้ำ และมีแผลติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม ยังไม่เชื่อว่าการยิงเสือโคร่งจากป่าห้วยขาแข้ง เป็นกระบวนการล่าเสือ แต่น่าจะเป็นการป้องกันเสือโคร่งที่อาจจะเข้ามาในชุมชน เพื่อป้องกันตัวมากกว่า