"ยิ่งลักษณ์" ยื่นอุทธรณ์คำสั่งปกครองโครงการรับจำนำข้าว 35,000 ล้านบาท

การเมือง
20 ม.ค. 60
13:33
1,422
Logo Thai PBS
"ยิ่งลักษณ์"  ยื่นอุทธรณ์คำสั่งปกครองโครงการรับจำนำข้าว 35,000 ล้านบาท
อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย ยื่นอุทธรณ์คำสั่งปกครองคดีจำนำข้าวแล้ว แต่อขออุบรายละเอียด ขณะที่นายยรรยง ยืนยันรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มียุทธศาสตร์เร่งรัดการระบายข้าวแบบจีทูจี

คดีอาญากรณีละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว เป็นเหตุให้รัฐเสียหายนั้น ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เปิดไต่สวนพยานฝ่ายจำเลย ครั้งแรกในปี 2560 ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า ภายในสิ้นปีนี้ จะนัดฟังคำพิพากษาในคดีได้ ขณะที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยืนยันใช้สิทธิ์อุทธรณ์คำสั่งทางปกครอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ม.ค.2560) ก่อนเข้ารับฟังการไต่สวนพยานฝ่ายจำเลย ในคดีละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว เป็นเหตุให้รัฐเสียหาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้ใช้สิทธิ์ทางกฎหมาย ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ปี 2539 ด้วยการยื่นอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองของกระทรวงการคลังกรณีเรียกค่าเสียหาย จากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว กว่า 35,000 ล้านบาทแล้ว แต่ปฏิเสธที่ชี้แจงรายละเอียดอื่น ๆ


น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ยื่นคำขาด เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2559 ให้เพิกถอนคำสั่งภายใน 7 วัน แต่ปลัดกระทรวงการคลัง ยืนยันในการดำเนินการนางสาวยิ่งลักษณ์ จึงใช้สิทธิ์อุทธรณ์คำสั่ง ภายในกรอบเวลา 90 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือคำสั่งฉบับแรก ซึ่งครบกำหนดการใช้สิทธิ์ เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2560 ครบ และมีรายงานว่า ขณะนี้ทีมกฎหมายของนางสาวยิ่งลักษณ์ กำลังพิจารณาแนวทางการฟ้องกลับ ซึ่งจะเป็นขั้นตอนต่อไป ส่วนการเบิกความพยานฝ่ายจำเลย ในคดีที่อัยการ ยื่นฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว เป็นเหตุให้รัฐเสียหาย ในวันนี้ เข้าสู่นัดที่ 10 แล้ว จากกำหนดที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วางไว้ 16 นัด และ
ทั้งนี้ เป็นที่คาดการณ์ว่า จะแถลงปิดคดีและมีคำพิพากษา ได้ภายในเดือนกันยายนหรือตุลาคมปีนี้

ขณะที่วานนี้(19ม.ค.)  ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งปรับหม่อมหลวงมิ่งมงคล โสณกุล หรือ หม่อมเต่านา และนายธรรศ วันพฤหัส อดีตเลขานุการคณะอนุกรรมาธิการการศาสนา คนละ 500 บาท กรณีมีเจตนารบกวนและพฤติกรรมไม่เหมาะสม หลังอัยการยื่นฟ้องว่าบุคคลทั้ง 2 ได้เดินตามในระยะประชิด และยืนจ้องหน้าพนักงานอัยการ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ปี 2559

 

โดยวันนี้ พยานที่ขึ้นเบิกความคดีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในโครงการรับจำนำข้าวเป็นเหตุให้รัฐเสียหาย มีจำนวน 2 ปาก คือ นายยรรยง พวงราช อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายทศพร ศิริสัมพันธ์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ

นายยรรยงขึ้นเบิกความเป็นคนแรก ยืนยันว่ารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ มียุทธศาสตร์เร่งรัดการระบายข้าว ซึ่งข้าวของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ค้างอยู่ในสต๊อกประมาณ 2 ล้านตัน โดยรัฐบาลในขณะนั้นสามารถระบายข้าวได้ถึง 20 ล้านตัน ในเวลา 2 ปีกว่า ส่วนข้อท้วงติงจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ถึงความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากโครงการรับจำนำข้าวนั้น คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลและได้ดำเนินการตรวจสอบมาโดยตลอด

นายยรรยง ได้ยืนยันถึงความจำเป็นในการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี เนื่องจากสามารถระบายข้าวได้จำนวนมาก และมอบหมายให้ส่วนราชการตรวจสอบความถูกต้องของบริษัทคู่สัญญา ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงพาณิชย์

พร้อมยืนยันว่า ตัวเลขจากการปิดบัญชีของอนุกรรมการปิดบัญชี รวม 3 ครั้ง ในวันที่ 9 ตุลาคม 2555 , 23 พฤษภาคม 2556 และ 18 ตุลาคม 2556 ที่พบว่ามียอดหนี้คงค้าง มีผลขาดทุน มีความเสี่ยงและโอกาสในการทุจริตนั้น ไม่สะท้อนความเป็นจริง เพราะใช้วิธีการคำนวณแบบธุรกิจ และนำตัวเลขจากโครงการอื่นมาปะปน



 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง