วันนี้( 16 ก.พ.2560) นายสมเกียรติ สุนทรพิทักษ์กูล ผู้อำนวยการกองคุ้มครองสัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญาไซเตส กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า ได้รับการประสานจาก ด่านตรวจสัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ ร่วมกับและตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ปทส. กรมศุลกากร ซึ่งร่วมกันยึดเกล็ดลิ่นของขบวนการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติรายใหญ่จากทวีปแอฟริกา เพิ่มอีกราย โดยพบว่าครั้งนี้ พยายามตบตาเจ้าหน้าที่ด้วยการแจ้งว่าเป็น กระเพาะปลา"
โดยพบว่าหลังจากการประชุมไซเตส ในปี 2016 มีการปรับบัญชีลิ่นทั้ง 8 สายพันธ์ุของทั้งโลก จากบัญชี 2 มาเป็นบัญชี 1 ทำให้เกิดการขน และลักลอบค้าตัวลิ่นข้ามชาติไปยังประ เทศที่นิยมบริโภคลิ่น คือจีน เวียดนามและลาวบ่อยขึ้น โดยพบว่ามีต้นทางคือประเทศ คองโก แอฟริกา และปลายทางไปยังเวียดนาม ลาวและจีน โดยใช้ไทยเป็นทางผ่าน ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา กรมศุลการกร มีการตรวจยึดเกล็ดลิ่นจากประเทศคองโก ได้จำนวน 2.9 ตันและปลายทางไปที่ประเทศลาว
ซึ่งน่ากังวลว่าจากการตรวจสอบตลาดการค้าตัวลิ่น เริ่มมีความรุนแรงมากในแถบแอฟริกา ส่วนลิ่นที่มีในไทย และแถบมาเลเซีย ซึ่งก่อนหน้านี้ตลาดจะขนทางรถจากทางภาคใต้ออกทางด้านการค้่าชายแดนไทยทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เริ่มลดลง ทำให้มูลค่าลิ่นในตลาดโลกมีราคาพุ่งสูงไปถึง 3,000 เหรียญสหรัฐต่อกิโลกรัม โดยเฉพาะเกล็ดลิ่นตกกิโลกรัมละ 100,000 บาท และมูลค่าการค้าลิ่น ติดอันดับที่ 3 รองจากการค้างาช้างและเสือโคร่ง ของอาชญากรรมสัตว์ป่า
ทั้งนี้จากเฟชบุ๊กของ บก.ปทส. Greencop - Thailand ระบุว่า ตามเอกสาร ระบุต้นทางจากประเทศคองโก ขนส่งมากับสายการบินเคนย่าแอร์ไลนส์ จากเมืองลูบุมบาซี ประเทศคองโก ไปเปลี่ยนเครื่องที่ กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา ก่อนจะมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยระบุว่าเตรียมจะเปลี่ยนเครื่องไปยังปลายทางที่ เวียงจันทน์ ประเทศ ลาว แต่มาถูกตรวจยึดครั้งนี้เสียก่อน
ทั้งนี้ จากการแสกนผ่านเครื่องเอ็กซเรย์ พบว่ามีลักษณะเป็นเกล็ดลิ่น ซึ่งทั้งหมดมี จำนวน 22 หีบห่อ น้ำหนักรวมประมาณ 1,066 กก . เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดไว้ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สุวรรณภูมิ เพื่อสืบสวนสอบสวนขยายผลให้ทราบตัวผู้กระทำผิดในขบวนการ และติดตามมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำหรับเกล็ดลิ่นรายนี้ หากหลุดไปถึงปลายทางที่ประเทศเวียดนามหรือจีน อาจมีมูลค่าสูงถึงประมาณกว่า 40 ล้านบาท โดยราคาในตลาดมืด ประมาณกิโลกรัมละ 35,000-50,000 บาททั้งนี้ จากปริมาณเกล็ดลิ่นที่ตรวจยึดได้ คาดว่าต้องสูญเสียลิ่นมีชีวิตถึงประมาณ 2,500 - 3,000 ตัว