วันนี้ (6 มี.ค.2560) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ หรือ คพ. กล่าวถึงสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ 9 จังหวัด ว่า คุณภาพอากาศอยู่ในระดับคุณภาพปานกลางถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยมีปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เพิ่มสูงสุดอยู่ที่ 169 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ที่ ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง และ ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง 158 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถือว่าเกินจากค่ามาตรฐานกำหนดไว้ไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ส่วน ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ค่าก๊าซโอโซนเกินค่ามาตรฐาน อยู่ที่ 102 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง อยู่ที่ 102 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง อยู่ที่ 101 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เนื่องจากประชาชนลักลอบเผาเพื่อหาของป่า โดยมีพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือ ลำปาง ลำพูน น่าน และแพร่ ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าสถานการณ์วันพรุ่งนี้ (7 มี.ค.) ทุกจังหวัดมีแนวโน้มฝุ่นละอองสูงขึ้น ยกเว้นจังหวัดเชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา และตาก
ด้านนายประลอง ดำรงค์ไทย โฆษกกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ ได้ลงพื้นที่ติดตามปัญหาหมอกควันไฟป่าภาคเหนือ บริเวณดอยพระบาทที่เผาไหม้มานาน 6 วัน และบริเวณพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติแม่ยางและแม่อาง พื้นที่รอยต่อ อ.แม่เมาะ อ.แม่ทะ และ อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งอยู่ติดกับวนอุทยานม่อนพระยาแช่และสวนรุกขชาติพระบาท ครอบคลุมพื้นที่ป่ากว่า 262,500 ไร่
โดยพื้นที่นี้จะเกิดไฟป่าอยู่บ่อยครั้ง และเป็นอีกจุดที่ทำให้เกิดปัญหาหมอกควันใน จ.ลำปาง เนื่องจากชาวบ้านเห็นว่าเป็นพื้นที่สาธารณะ จึงเข้าไปการเก็บหาของป่าและเผาใบไม้เพื่อเปิดทางเดินในป่าได้สะดวก ทั้งนี้ กรมป่าไม้เสนอควรจัดตั้งป่าชุมชนให้มีกลุ่มเครือข่ายช่วยดูแลและแก้ปัญหาการเผาป่า
สำหรับพื้นที่ภาคเหนือขณะนี้ส่วนใหญ่ได้ประกาศมาตรการห้ามเผาในช่วง 60 วันอันตราย ทำให้มีการเฝ้าระวังป้องกันอย่างใกล้ชิด หากพบผู้ที่ลักลอบเผาจะถูกจับกุมดำเนินคดีทันที พร้อมเข้าไปทำความเข้าใจกับชาวบ้านถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
