ครม.ไฟเขียวมาตรการช่วยเหลือ "สตาร์ทอัพ" ให้กู้รายละ 15 ล้านบาท

การเมือง
21 มี.ค. 60
14:33
396
Logo Thai PBS
ครม.ไฟเขียวมาตรการช่วยเหลือ "สตาร์ทอัพ" ให้กู้รายละ 15 ล้านบาท
คณะรัฐมนตรีอนุมัติมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจขาดสภาพคล่อง สตาร์ทอัพ และกลุ่มที่มีศักยภาพเข้าอุตสาหกรรม 4.0 วงเงินรายละ 15 ล้านบาท

วันนี้ ( 21 มี.ค.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้น นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.อนุมัติมาตรการมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจขาดสภาพคล่อง กลุ่มสตาร์ทอัพ และกลุ่มที่มีศักยภาพเข้าอุตสหกรรม 4.0 ในการกู้เงินวงเงิน 15 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลาชำระหนี้ 7 ปี

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังอนุมัติโครงการการลงทุนจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดสระแก้ว ในถนนทางหลวงหมายเลข 3085 ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ มูลค่าลงทุนโครงการ 1660 ล้านบาท เช่าที่ดินกรมธนารักษ์ 660 ไร่ สัญญาเช่า 50 ปี อุตสาหกรรมเป้าหมาย ประกอบด้วย อุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมขนส่งกระกระจายสินค้า ,อุตสาหกรรมบรรจุภันฑ์และเครื่องใช้พลาสติก,อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานพาหนะ-เครื่องจักร,อุตสาหกรรมผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำให้เชื่อมโยงระบบกับประเทศในเขตเออีซี

หลังร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ผ่าน ครม.ไปแล้ว แต่ในขั้นกฤษฎีกาได้มีการแก้ไขในเรื่องการกำหนดอัตตราภาษีที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประกอบเกษตรกรรม ให้เสียภาษีในอัตราเกษตรกรรมเท่าที่ใช้จริง ส่วนอัตราภาษีที่อยู่อาศัยให้กำหนดอัตราภาษีแตกต่างตามมูลค่าของบ้าน นอกจากนี้ยังเพิ่มประเภทที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่รกร้างให้มีอัตราเพดานภาษีไม่เกินร้อยละ 2 ส่วนที่รกร้างจะเก็นภาษีเพิ่มปีละ ร้อยละ 0.5 หรือทุก 3 ปี ซึ่งอัตราภาษีสูงสุดไม่เกินร้อยละ 5

ขณะที่ยังมีการบรรเทาภาระภาษีด้วยการออกพระราชกฤษฎีกาลดภาษีได้สูงสุดร้อยละ 90 เช่น บ้านพักอาศัยที่ได้รับกรรมสิทธิจากการรับมรดกก่อนที่ พ.ร.บ.ฉบับนี้ออก ขณะที่เรื่องการคืนภาษีกำหนดให้จ่ายดอกเบี้ยผู้ที่ได้รับคืนภาษีร้อยละ 1 ต่อเดือนกรณีเจ้าหน้าที่ประเมินภาษีผิดพลาด

นายณัฐพร ระบุว่า นายกรัฐมนตรี ได้เร่งรัดให้รีบดำเนินการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว เพื่อให้มีผลบังคับใช้และลดความเหลื่อมล้ำ ในการถือครองที่ดิน ทั้งนี้ เมื่อร่างกฎหมายประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จะมีผลบังคับใช้ในเดือน ม.ค.ของปีถัดไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง