กลุ่มธรรมภิบาลยื่น สตง.สอบทุจริตจัดซื้อกล้องวงจรปิดโรงเรียนจังหวัดชายแดนใต้

อาชญากรรม
27 มี.ค. 60
15:23
326
Logo Thai PBS
กลุ่มธรรมภิบาลยื่น สตง.สอบทุจริตจัดซื้อกล้องวงจรปิดโรงเรียนจังหวัดชายแดนใต้
กลุ่มธรรมาภิบาลยื่นหนังสือพร้อมเอกสารหลักฐานต่อผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินให้ตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างกล้องวงจรปิดในโรงเรียนจังหวัดชายแดนใต้ที่ประสิทธิภาพไม่เป็นไปตามทีโออาร์ พร้อมชี้ว่าส่อการทุจริต

วันนี้ (27 มี.ค.2560) ตัวแทนกลุ่มธรรมาภิบาลนำโดย นายวิวัฒน์ สมบัติหลาย เข้ายื่นหนังสือพร้อมหลักฐานเอกสาร และบันทึกการถอดเสียงสนทนาระหว่างกรรมการจัดซื้อจัดจ้างและนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ต่อนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ผ่านนายมณเฑียร เจริญผล รองผู้ว่าฯ สตง.ให้ลงพื้นที่ตรวจสอบโดยเร่งด่วน และชี้ว่าส่อมีการทุจริตและคอร์รัปชั่น กรณีการติดตั้งกล้องวงจรปิดที่ไม่เป็นไปตามทีโออาร์ โครงการ Safe Zone School กล้องวงจรปิดกว่า 5,000 ตัว ของโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ งบประมาณ 577 ล้านบาท พร้อมอ้างว่าปัจจุบันเกิดปัญหากล้องวงจรปิดที่ติดตั้งแล้ว ไม่สามารถใช้งานได้จริงตามประสิทธิภาพที่ทีโออาร์ระบุ ทั้งกล้อง อุปกรณ์ ระบบเชื่อมต่อกับหน่วยความมั่นคง โดยอ้างอิงถึงนายทหารยศ พ.อ. หรือชื่อว่า "เสธแจ๊ก" เกี่ยวข้องด้วยการแทรกแซงควบคุมขืนใจคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างให้เลือกบริษัทพรรคพวก

โดยปัญหาหลังการดำเนินโครงการกลุ่มธรรมาภิบาลระบุว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากครูในพื้นที่ ประกอบด้วยระบบกล้องไม่สามารถดูผ่านเว็บบราวซ์เซอร์ ที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดทางเทคนิคข้อที่ 5 กล้องคุณภาพต่ำและยี่ห้อเดียวกันหมดที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดทางเทคนิคข้อ 6 ระบบกล้องไม่สามารถเชื่อมต่อระบบความปลอดภัยของหน่วยความมั่นคง ระบบปรับภาพอัตโนมัติไม่คมชัดและอุปกรณ์บันทึกภาพ ที่ไม่ตรงตามข้อกำหนดหรือสเปกของทีโออาร์

ขณะที่นายมณเฑียร เจริญผล รองผู้ว่าฯ สตง.กล่าวว่า พร้อมเดินหน้าตรวจสอบ โดย สตง.ในพื้นที่ จ.สงขลา เป็นผู้รับผิดชอบ และจะนำหลักฐานที่ได้รับในครั้งนี้ประกอบการติดตามตรวจสอบตามกระบวนการ โดยจะตรวจสอบคณะกรรมการตรวจรับโครงการ รวมถึงข้อมูลการถอดเทปเสียงที่จะโยงไปถึงการทำสัญญาหรือไม่ สำหรับวิธีการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ไม่ได้มีปัญหาเรื่องวิธีการ แต่เป็นปัญหาตัวบุคคลในการดำเนินการ โดยในเดือนสิงหาคมนี้ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างจะบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ซึ่งจะแก้ไขปัญหาได้ แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าหน่วยงานด้านความมั่นคงจะต้องยึดแนวทางปฏิบัติตามกฎหมายใหม่หรือไม่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง