วันนี้ (5เม.ย.2560) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี โดยก่อนการประชุม จะหารือกับบรรดานักธุรกิจชั้นนำที่จะเข้ามาลงทุนในอีอีซี ซึ่งเป็นการหารือในประเด็นที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนการลงทุนพื้นที่อีอีซีโดยเฉพาะ
โดยนักธุรกิจต่างชาติที่จะเข้าหารือกับนายกรัฐมนตรี มากกว่าครึ่งเป็นนักลงทุนต่างชาติ เช่น ผู้บริหารจากโตโยต้า อาลีบาบาและลาซาด้า บีเอ็มดับเบิ้ลยู เบนซ์ นอกจากนี้ ยังมีองค์กรต่างประเทศ เช่น องค์การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ เจโทร หอการค้าสหรัฐฯ
ในการประชุมจะเสนอโครงการลงทุนเร่งด่วนในอีอีซีที่เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและเอก ชน หรือ โครงการอีอีซีฟาสต์แทร็กพีพีพี 2 โครงการ คือ โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ระยะเวลา 5 ปี วงเงิน 2 แสนล้านบาทและการพัฒนารถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-ระยอง เชื่อมสนามบินหลักของประเทศวงเงิน 1.58 แสนล้านบาท รวม 2 โครงการ 3.58 แสน ล้านบาท ทั้งนี้ จะใช้เวลา 8-9 เดือน คาดว่าทั้งสองโครงการจะเริ่มก่อสร้างได้ต้นปี 2561
นายนพดล ตั้งทรงเจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดระยอง เชื่อว่าการพัฒนาของอีอีซี จะช่วยให้เศรษฐกิจในพื้นที่ขยายตัว โดยคาดว่าจำนวนประชากรในจังหวัดระยอง จะเพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านคน ในอีก 5 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 1 ล้านคน เพราะเมื่อมีคนมาอยู่เยอะ ภาคธุรกิจจะเติบโตมาก เพราะการบริโภคจะเพิ่ม การใช้จ่ายเพิ่ม และสนามบินอู่ตะเภาจะรับคนเพิ่มได้หลายเท่าตัวคนจะจับจ่ายใช้สอยในระยองเพิ่ม
การประชุมครั้งนี้จะขอมติเดินหน้าการลงทุน ตามเป้าหมายอีอีซีระยะแรก 5 โครงการลงทุนไม่ต่ำกว่า 1.5 แสนล้านบาท ภายใน 5 ปี โดย 5 โครงการ ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานพัฒ นาสนามบินอู่ตะเภา เชื่อมกับสนามบินหลักของไทย โครงการรถไฟความเร็วสูง และรางคู่ ท่าเรือที่จะรองรับทั้งการขนส่งสินค้าและการท่อง เที่ยว การพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า หุ่นยนต์ การแพทย์ครบวงจร อุตสาหกรรมชีวภาพ และการสร้างเมืองใหม่
สำหรับกิจกรรมในช่วงเช้า นายกรัฐมนตรีจะเยี่ยมชม ศูนย์ซ่อมอากาศยานการบินไทย อาคารผู้โดยสารหลังใหม่ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา พร้อมรับฟังบรรยายสรุป "ประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาค" และในช่วงบ่ายจะแถลงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก