วันนี้ (3 พ.ค.2560) นายวีระพล จิรประดิษฐ์กุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในฐานะโฆษก กกพ.เปิดเผยถึงกรณีเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคภาคประชาชนแถลงข่าวคัดค้านการปรับค่าเอฟทีของ กกพ.ที่เพิ่มขึ้น 12.52 สตางค์ต่อหน่วย สวนทางกับค่าก๊าซธรรมชาติปากหลุมที่มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องว่า ราคาก๊าซแม้จะอยู่ในช่วงขาลง แต่เฉพาะช่วงต้นปีในเดือนมกราคมและเดือนกุมภาพันธ์เท่านั้น แต่หลังจากนั้น ราคาก๊าซมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยต้องดูราคาก๊าซในภาพรวมที่เรียกว่า ราคาพูล ซึ่งประกอบไปด้วยก๊าซจากอ่าวไทยและเมียนมา การนำเข้าแอลเอ็นจีและก๊าซจากแหล่งบนบกในประเทศ นอกจากนี้ การรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม 2560 ลดลง 1.20 สตางค์ต่อหน่วย จึงไม่ได้เป็นการแบกรับภาระการซื้อพลังงานทดแทนที่มากเกินไป
สำหรับการปรับขึ้นค่าเอฟที งวดเดือนพฤษภาคม-เดือนสิงหาคม 2560 กกพ.ได้พิจารณาอย่างรอบด้านถึงผลกระทบต่อผู้ประกอบการธุรกิจและประชาชน ซึ่งในรอบนี้ หากไม่ปรับค่าเอฟทีจะกระทบกับค่าเอฟทีในงวดต่อไปในเดือนกันยายนถึงเดือนธันวาคม 2560 ให้สูงขึ้นไปกว่ารอบนี้ หาก กกพ.เลือกตรึงค่าเอฟทีงวดนี้ไว้ ก็จะทำให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ต้องรับภาระเป็นเงินถึง 7,786 ล้านบาท ซึ่งท้ายที่สุดแล้วผู้ใช้ไฟก็ต้องจ่ายค่าไฟฟ้าในส่วนนี้คืนแก่ กฟผ.ในภายหลัง