วันนี้ (7 พ.ค.2560) ภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ 5 พฤษภาคม ซึ่ง พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสนาธิการทหารเรือ และประธานกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ในฐานะผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ และผู้แทนรัฐบาลไทย ได้ลงนามข้อตกลงจัดจ้างสร้างเรือดำน้ำชั้นหยวนคลาส เอส 26 ที กับผู้แทนรัฐบาลจีน รูปแบบรัฐต่อรัฐ ไทยต้องจ่ายเงินก้อนแรก 700 ล้านบาทให้กับจีน ซึ่ง พล.ร.อ.จุมพล ลุมพิกานนท์ โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า มาจากงบประมาณปี 2560 แต่ยอมรับว่าไม่มีรายละเอียดของสัญญา แต่คาดการณ์ว่า 700 ล้านบาทแรกเป็นเหมือนเงินมัดจำ เพื่อวางระบบและเข้าสู่กระบวนการสร้างเรือดำน้ำ ส่วนจะชำระด้วยวิธีใด จะเป็นไปตามข้อตกลงของตัวแทนรัฐบาลไทยกับจีน
ส่วนการชำระเงินในงวดต่อๆ ไป ตั้งแต่ปี 2561-2566 ปีละ 2,100 ล้านบาท เสนาธิการทหารเรือ ในฐานะประธานกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ และในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย จะเป็นผู้ดูแล ซึ่งจะชำระตามความก้าวหน้าของงาน เพื่อให้การจัดสร้างเรือดำน้ำแล้วเสร็จตามสัญญา และส่งมอบให้กับกองทัพเรือไทยภายใน 7 ปี
ด้านนายพิสิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กล่าวว่า คาดว่าจะสรุปผลตรวจสอบโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำได้ภายใน 2 สัปดาห์ และแม้จะยังไม่พบความผิดปกติ รวมถึงข้อสังเกตเรื่องการดำเนินการตาม พ.ร.บ.งบประมาณ ว่าด้วยงบผูกพัน แต่หากพบความผิดปกติภายหลัง สตง.สามารถเสนอให้ทบทวน หรือยกเลิกสัญญาได้
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เตรียมยื่นเรื่องถึงผู้ตรวจการแผ่นดินวันพรุ่งนี้ ให้ตรวจสอบว่า โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.งบประมาณ ว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพัน และขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 178 ว่าด้วยการลงนามในสัญญาที่ต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาก่อนหรือไม่ เพราะเป็นการจัดซื้อแบบรัฐต่อรัฐ