กรมเจ้าท่าตรวจแล้ว "เรือยอร์ช” ยิงปลาเกาะลันตาไร้ทะเบียน

สิ่งแวดล้อม
8 พ.ค. 60
19:35
2,676
Logo Thai PBS
กรมเจ้าท่าตรวจแล้ว  "เรือยอร์ช” ยิงปลาเกาะลันตาไร้ทะเบียน
ผู้กระทำผิดอีก 3 รายที่หลบหนีไปพร้อมกับ"เรือยอร์ช" ล่าปลาในเกาะลันตา จ.กระบี่ ยังไม่ยอมเข้าจอดท่า และมอบตัวกับตำรวจ ขณะที่กรมเจ้าท่า ตรวจแล้วเรือยอร์ชลำนี้ไม่ได้จดทะเบียน ยืนยันไม่มีสองมาตรฐาน หลังมีข่าวระดับบิ๊กจังหวัดขอให้ประกันตัวหนึ่งในผู้กระทำผิด

ความคืบหน้ากรณีเรือยอร์ชที่ถูกนำมาลักลอบล่าปลาในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จ.กระบี่ วันนี้(8พ.ค.2560) ตำรวจน้ำกระบี่ ตำรวจน้ำภูเก็ต และเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ได้ออกติดตามเรือยอร์ช ชื่อเรือ lsakindofmagic และผู้ต้องหารวม 3 คน ที่หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา หลังเข้าลักลอบดำน้ำใช้ปืนยิงปลาจับสัตว์น้ำบริเวณเกาะห้า ตำบลเกาะลันตาใหญ่ อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่

เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นจุดเรือลำดังกล่าวจอดเทียบท่าประจำ แต่ไม่พบ คาดว่านำเรือหลบหนีไปจอดที่ท่าเทียบเรืออื่นในจังหวัดภูเก็ต

นายกรรณเกษม มีสุข หัวหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จากการตรวจทะเบียนเรือ พบว่าไม่ได้มีการจดทะเบียนเรือกับกรมเจ้าท่า เชื่อว่าเป็นที่นำเข้าผิดกฎหมายซึ่งน่าเชื่อว่ากลุ่มผู้ต้องหาออกทะเลมาเพื่อการลักลอบจับสัตว์น้ำโดยเฉพาะ

ส่วนนายวริทธิ์นันท์ โปรานานนท์ ผู้ต้องหาที่จับกุมตัวได้ 1 คน ได้ประกันตัวออกไปแล้ว ส่วนที่เหลือทางเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายกำลังเร่งติดตามเพื่อนำมาดำเนินคดีต่อไป


สำหรับโทษข้อหาลักลอบจับสัตว์น้ำในเขตอุทยานแห่งชาติมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนข้อกล่าวหาหลบหนี หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน หรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


ผู้สื่อข่าวถามว่าการให้ประกันตัว นายวริทธิ์นันท์ ซึ่งมีข่าวระบุว่ามีระดับผู้ว่าราชการจังหวัดในภาคตะวันออก ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประกันตัวจริงหรือไม่ นายกรรณเกษม ระบุว่า เป็นดุลยพินิจของเจ้าพนักงานสอบสวน ซึ่งกรณีนี้สามารถประกันตัวได้ และดูจากพฤติกรรมของนายวริทธิ์นันท์ ซึ่งไม่ได้หนีไปกับรายอื่นๆ ก็ไม่น่าจะมีปัญหา อย่างไรก็ตาม ยังย้ำว่าการกระทำผิดในเขตอุทยานแห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆก็จะไม่มีสองมาตรฐาน และขณะนี้กระแสโซเชียลก็จับตาการทำงานของเราอยู่

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง