สธ.ส่งทีมแพทย์เยียวยาจิตใจผู้ประสบเหตุระเบิดห้างบิ๊กซี จ.ปัตตานี

สังคม
10 พ.ค. 60
12:02
127
Logo Thai PBS
สธ.ส่งทีมแพทย์เยียวยาจิตใจผู้ประสบเหตุระเบิดห้างบิ๊กซี จ.ปัตตานี
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ส่งทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภัยเหตุระเบิดห้างบิ๊กซี จ.ปัตตานี

น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงเหตุระเบิดที่ห้างบิ๊กซี จ.ปัตตานี ว่า ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กำชับให้กรมสุขภาพจิตร่วมเยียวยาจิตใจผู้ได้รับผลกระทบ โดยปฏิบัติงานควบคู่กับทีมแพทย์ฝ่ายกายอย่างทันท่วงที เพื่อให้การปฐมพยาบาลด้านจิตใจ ประเมินและค้นหากลุ่มเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิต รวมทั้งให้การปฐมพยาบาลทางจิตใจเบื้องต้น เพื่อให้สภาวะจิตใจกลับสู่ปกติ รวมทั้งดูแลผู้มีแนวโน้มจะเกิดปัญหาสุขภาพจิตอย่างต่อเนื่อง ป้องกันการเกิดปัญหาและโรคจิตเวช ได้แก่ โรคเครียดภายหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้หลังจากผ่านเหตุการณ์ไปแล้ว 6 เดือน

ทั้งนี้่ จัดส่งทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภัย หรือทีม MCATT โรงพยาบาลจิตเวชสงขลาราชนครินทร์ และศูนย์สุขภาพจิตที่ 12 ประสานงานร่วมกับโรงพยาบาลปัตตานี เพื่อดูแลเยียวยาจิตใจผู้ได้รับผลกระทบ จากรายงานเบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บสามารถกลับบ้านได้แล้วบางส่วน

อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า ผู้ที่ประสบเหตุการณ์สะเทือนขวัญจะพบปฏิกิริยาทางจิตใจที่หลากหลาย ได้แก่ ภาวะช็อก เงียบเฉย มึนงง อารมณ์เฉยชา ไม่แจ่มใสร่าเริงเหมือนเดิม บางคนจะมีการแยกตัวในช่วงแรกๆ หลังประสบภัย นอนไม่หลับ ฝันร้าย อารมณ์ตกใจและหวาดกลัว ผวาตกใจง่าย บางคนจะรู้สึกเหมือนตัวเองยังอยู่ในเหตุการณ์นั้น ทำให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมหรือสถานที่ที่ทำให้นึกถึงเหตุการณ์นั้น ฯลฯ ต้องขอย้ำว่า อาการดังกล่าวถือเป็นปฏิกิริยา “ปกติ” ที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ “ไม่ปกติ” โดยอาการเหล่านี้จะค่อยๆ หายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป บางคนอาจมีอาการเหล่านี้เป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือนได้ แต่ไม่ควรเกิน 1 เดือน ดังนั้น ในช่วงเวลาที่เกิดภาวะวิกฤต ถ้าได้มีการช่วยเหลือเยียวยาจิตใจกันตั้งแต่ระยะแรก จะทำให้เข้าใจสภาวะการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจ มีแนวทางในการแก้ไขปัญหาหรือปรับตัวได้ดีขึ้น สามารถประเมินความต้องการเร่งด่วน ประสานถึงแหล่งสนับสนุนอื่นๆ ที่มีได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที ที่สำคัญสามารถป้องกันภาวะความผิดปกติทางสุขภาพจิตหรือจิตเวชได้ หรือถ้ามีปัญหาแล้วก็สามารถให้การรักษาเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงต่อไปได้ในอนาคต

สำหรับสัญญาณเตือนที่บ่งชี้ว่าเป็นบุคคลต้องได้รับการช่วยเหลือจากจิตแพทย์ หรือบุคลากรสุขภาพจิต ได้แก่ มีอาการนี้มากและนานจนรบกวนการใช้ชีวิต กระทบต่อคนรอบข้าง หรือคิดทำร้ายตนเอง จำเป็นต้องปรึกษาบุคลากรสุขภาพจิตใกล้บ้านให้เร็ว ส่วนวิธีการจัดการปัญหาด้วยตนเอง คือ ให้ใช้ชีวิตประจำวันตามเดิมเท่าที่ทำได้ ในเรื่องการกิน อยู่และขอให้พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาเสพติด เพื่อแก้ปัญหาไม่สบายใจ ทำกิจกรรมที่เพลิดเพลิน พยายามใช้ชีวิตประจำวันให้เป็นปกติ ปรึกษา พูดคุย เรื่องไม่สบายใจ หรือขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ชิด หรือจากคนที่ไว้ใจ สำหรับกลุ่มเด็กจะมีอาการแตกต่างกันไปแล้วแต่อายุ ตลอดจนพื้นฐานอารมณ์และการเลี้ยงดู อาจมีอาการกลัว เดินไปมาโดยไม่มีจุดหมาย หรืออาจอยู่นิ่งๆ โดยไม่ทำอะไรเลย การนอนผิดปกติ ในเด็กโต หรือในวัยรุ่นอาจซึมเศร้า ฝันร้าย และมีภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคอยหลอกหลอน แวบเข้ามาในความคิดอยู่บ่อยๆ อาจนอนไม่หลับ อาจมีพฤติกรรมก้าวร้าว หงุดหงิดง่ายได้

ทั้งนี้ พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถช่วยเหลือด้วยการให้เด็กเล่า เข้าใจและยอมรับความรู้สึกของเขา ซึ่งผู้ใหญ่ควรอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และให้เข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดผลกระทบและจะหายไปได้ ตลอดจนดูแลเอาใจใส่เด็กให้มากขึ้น รวมทั้งพยายามให้พวกเขาทำกิจวัตรประจำวันปกติให้มากที่สุด สามารถขอรับบริการปรึกษาได้ที่หน่วยงานสังกัดกรมสุขภาพจิตทุกแห่งทั่วประเทศ และที่ สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง