วันนี้ ( 10 พ.ค.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ราชพัสดุหมายเลขทะเบียน กท.2615 เนื้อที่กว่า 2 ไร่ ใจกลางกรุงเทพ ในเขตพญาไท หรือ ซอยพหลโยธิน 11 ซึ่งเคยเป็นโรงกษาปณ์เก่า ในความดูแลของกรมธนารักษ์ ถูกรื้อทุบทำลายสิ่งปลูกสร้างเดิม เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับก่อสร้างอาคาร สูง 8 ชั้น จำนวน 2 อาคาร รวม 432 หน่วย พื้นที่นี้คือ 1 ใน 6 พื้นที่นำร่อง โครงการบ้านประชารัฐธนารักษ์ เพื่อให้ข้าราชการที่มีรายได้น้อยเช่าอาศัยระยะสั้น
ตัวแทนกลุ่มคนรักพญาไท ระบุว่า หากดำเนินโครงการจะสร้างปัญหาความแออัดในชุมชน พร้อมระบุว่ากรมธนารักษ์ รวบรัดดำเนินโครงการ โดยขาดการรับฟังเสียงคนในพื้นที่ ไม่จัดทำประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ปมความขัดแย้งดังกล่าวทำให้ กรมธนารักษ์ ถอยกลับมาตั้งหลัก และขอเวลาทำประเมินผลกระทบอีไอเอ
ขณะที่ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งทำหนังสือถึงอธิบดีกรมธนารักษ์ ให้ทบทวนการโอนกรรมสิทธิ์ผู้บริหารโครงการ จากบริษัท ปักกิ่ง เออร์บัน-คอนสตรัคชั่น ยาไถ่ (ไทย) คอนสตรัคชั่น กรุ๊ป จำกัด ซึ่งผ่านการประกวดคัดเลือกตามกระบวนการปกติ มาให้ บริษัท จูโน่ พาร์ค ทั้งหมดนี้จึงกลายเป็นชนวนสำคัญที่น่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ อธิบดีกรมธนารักษ์ ถูกปลดจากตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้อธิบดีกรมธนารักษ์จะถูกปลดออกจากตำแหน่งแล้ว แต่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ยังคงตรวจสอบเรื่องนี้ในเชิงลึก เกี่ยวกับปมผลประโยชน์ทับซ้อนต่อไป โดยผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เห็นว่าทีโออาร์โครงการดังกล่าวเปิดกว้างมากเกินไป และการโอนสิทธิ์ให้ บริษัทจูโน่ฯ ซึ่งประกอบกิจการด้านการ ส่งเสริม ฝึกทักษะการพัฒนาของเด็กโดยทั่วไป และให้บริการวางระบบและออกแบบสถานที่ไม่เกี่ยวกับการก่อสร้างอาคาร ซึ่งสุ่มเสี่ยงเกิดความเสียหายภาครัฐ เข้าข่ายผิดกฎหมายว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานภาครัฐ
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมธนารักษ์คนใหม่ ระบุว่า พร้อมเดินหน้าโครงการประชารัฐธนารักษ์ตามนโยบายรัฐบาล แต่ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนตามกฎหมาย ซึ่งมีระเบียบปฏิบัติ และขั้นตอนการทำงานชัดเจนอยู่แล้ว พร้อมขอเวลาพิจารณารายละเอียดทีโออาร์โครงการบ้านประชารัฐธนารักษ์ พหลโยธินซอย 11 ก่อนตัดสินใจดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดต่อไป
กรมธนารักษ์ แม้ไม่ใช่กรมภาษีขนาดใหญ่ แต่เป็นกรมที่ถือครองทรัพย์สิน และที่ดินจำนวนมากของประเทศ และมีโครงการที่เกี่ยวข้องกับการประมูลงานขนาดใหญ่ของเอกชน ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งอธิบดีย่อม ต้องทำงานท่ามกลางความท้าทายและถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้น