วันนี้ (10 พ.ค.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด.ญ.นูรซาฟีการ์ สุรอระยอ วัย 5 ขวบ ซึ่งถูกสะเก็ดระเบิดอาการสาหัสยังคงพักรักษาตัวในห้องไอซียู เนื่องจากถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ท้องจนทะลุตับจากเหตุระเบิดหน้าห้างบิ๊กซี จ. ปัตตานี ขณะที่ ด.ญ.นูรซาฟิการ์ และพี่ชายวัย 10 ขวบ ได้ไปรับประทานไอศกรีมภายในห้างพร้อมกับน้า และได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นทำให้ ด.ญ.นูรซาฟิการ์ได้รับบาดเจ็บทันที ซึ่งขณะนี้แพทย์โรงพยาบาลปัตตานี ยังต้องดูแลอาการอย่างใกล้ชิด ในห้องปลอดเชื้อของผู้ป่วยฉุกเฉิน
ไม่แตกต่างจากครอบครัวนาคเสวี ซึ่งบ้านอยู่ห่างจากห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีประมาณ 300 เมตร แรงอัดของระเบิด ทำให้หลังคาบ้านพังเสียหาย เจ้าของบ้านเล่าว่า ขณะเกิดเหตุอยู่กับหลาน 2 คน ซึ่งกำลังนั่งรับประทานอาหารในห้องครัว ก่อนจะย้ายมานั่งที่ห้องนั่งเล่น หลังจากนั้นเสียงระเบิดก็ดังขึ้น แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ขณะที่การติดตามผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่เร่งแกะรอยผู้ต้องสงสัย 4 คน ที่นั่งรถจักรยานยนต์ 2 คันหลบหนีไป หลังนำรถยนต์ประกอบระเบิดมาจอดหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีก่อนจุดชนวนระเบิดขึ้น โดยล่าสุดได้ออกหมายจับชายที่นั่งซ้อนท้ายสวมเสื้อสีดำแล้ว 1 คน คือ นายมะกอเซ็ง หม้าแอ้ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีความมั่นคง ที่ถูกออกหมายจับมาแล้ว 3 คดี โดยเฉพาะคดีลอบวางระเบิดใกล้มัสยิดกลางปัตตานี เมื่อวันที่ 5 มกราคมปี 2560 และคดีระเบิดร้านก๋วยเตี๋ยวในตลาดโต้รุ่ง อ.เมืองปัตตานี เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมปี 2549
ขณะที่การค้นหาเจ้าของรถที่ถูกนำมาประกอบระเบิด ขณะนี้ทราบว่า รถได้หายไปบริเวณ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี จึงคาดว่า น่าจะถูกปล้นบริเวณ ก่อนนำมาประกอบระเบิด แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่พบร่องรอย
ด้านนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา เห็นว่า การก่อเหตุรุนแรงครั้งนี้อาจเป็นฝืมือของแนวร่วมที่ปฎิเสธการพูดคุยสันติสุข ที่ยังคงยึดแนวทางการต่อสู้ด้วยอาวุธ แต่โดยส่วนตัวเห็นว่า การพูดคุยสันติสุขก็ยังจำเป็นที่จะต้องเดินหน้าต่อไป แต่ทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องทบทวนวิธีการจัดการ โดยเฉพาะการดึงกลุ่มคนที่ยังเห็นต่างกลุ่มอื่นๆ ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพูดคุย
ส่วนบรรยากาศที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในจังหวัดปัตตานี เจ้าหน้าที่ได้เพิ่มการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำ แต่การค้าขายในวันนี้เงียบเหงาลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้หลายคนกังวลว่าจะกระทบต่อการลงทุนในระยะยาว