หลังเกิดความล่าช้าในการจัดทำร่างพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.... ที่เดิมคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายนนี้
วันนี้ (23 พ.ค.2560) พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม คสช.เห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมกรรม เสนอให้ คสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกกฏหมายพิเศษ เพื่อขับเคลื่อนโครงการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ในอีอีซี จะเป็นแบบเร่งรัด หรือฟาสแทร็ก โดยให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ แต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการเพื่อพิจารณาอีไอเอเป็นการเฉพาะ ให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี หากผู้ชำนาญไทยไม่เพียงพอ สามารถใช้ผู้ชำนาญต่างชาติได้ รวมทั้งให้เพิ่มเติมกระบวนร่วมทุนกับเอกชนในเขตอีอีซี เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว เช่น โครงการการบินภาคตะวันออก โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือสัตหีบ และท่าเรือมาบตาพุด เนื่องจากกระบวนการ พ.ร.บ.ร่วมทุนกับเอกชนในปัจจุบันใช้เวลานาน นอกจากนี้ ยังเปิดทางให้ต่างชาติเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เกินกว่าร้อยละ 50 ในกิจการซ่อมเครื่องบิน อะไหล่ และชิ้นส่วนอากาศยาน
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การออกมาตรา 44 มาขับเคลื่อนโครงการอีอีซีดังกล่าว จะช่วยให้เกิดความรวดเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอากาศยานนั้น แต่จะได้สิทธิประกอบกิจการอยู่ในพื้นที่ที่รัฐบาลประกาศเอาไว้เป็นพื้นที่เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเท่านั้น และจะมีการส่งเสริมเป็นรายๆ ตามความเหมาะสม และต้องผ่านคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิจารณาด้วย ขณะเดียวกันทางภาคเอกชนก็ต้องจัดทำรายละเอียดที่จะช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมดังกล่าว ทั้งการส่งเสริมการจ้างงาน การถ่ายทอดเทคโนโลยี หรือการช่วยส่งเสริมให้เศรษฐกิจเติบโต