วันนี้(25 พ.ค.2560) น.ส.สุทธิลักษณ์ ระวิวรรณ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งหรือ ทช. กล่าวถึงกรณีคนร้ายลักลอบขนปะการังในพื้นที่รอยต่อของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และจังหวัดชุมพร ว่า ได้สั่งการให้ สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลที่ 3 และ 4 ลงพื้นที่สืบข่าวและหาข้อมูลในพื้นที่ ในเบื้องต้นเครือข่ายประมงชายฝั่ง ในพื้นที่อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้ข้อมูลว่า กลุ่มที่ขโมยปะการังดังกล่าวมีประมาณ 4 - 5 คน เป็นบุคคลในพื้นที่อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ และอ.ปะทิว จ.ชุมพร
ขณะนี้รับทราบข้อมูลตัวบุคคล และที่อยู่เบื้องต้นแล้ว และกำลังสืบค้นหาหลักฐานในเชิงลึกต่อไป สำหรับช่วงเวลาเกิดเหตุ ลักลอบเป็นเวลากลางคืน โดยอาศัยความมืดใช้เรือขนาดเล็กเข้าไปดำน้ำเก็บปะการังหรือดอกไม้ทะเล ตามใบสั่งของพ่อค้า แล้วแพ็คเก็บซ่อนไว้ใต้น้ำ โดยนัดกับพ่อค้าส่งของบริเวณชายฝั่งที่ไม่มีจุดตายตัว เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งมีความยาวชายฝั่งกว่า 10 กิโลเมตร ในพื้นที่ 2 อำเภอ คือ อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ และอ.ปะทิว จ.ชุมพร
เปิดเส้นทางลักลอบขายปะการังตบตาจนท.
ส่วนการลำเลียงและการขนส่งนั้น อธิบดี ทช. บอกว่า การขนส่งและปลายทางของตลาดปะการัง หลังจากการนัดรับสินค้าบริเวณชายฝั่ง ซึ่งผู้รับสินค้าต่อจะใช้รถปิ๊กอัพบรรทุกลังโฟม หรือถังไฟเบอร์ขนส่งมายังกรุงเทพมหานคร จะมีจุดพักสินค้าในระหว่างการลำเลียงขนส่งและกำลังสืบหาข้อมูลที่ชัดเจนของจุดพักสินค้าดังกล่าว
ขณะนี้ ได้เพิ่มแนวทางการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ คือ เฝ้าระวังเรือต้องสงสัยที่เข้าใกล้พื้นที่ปะการังในเวลากลางคืน ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือกับชาวประมงพื้นบ้านที่ทำการประมงอยู่บริเวณใกล้แนวปะการังให้ช่วยสอดส่องดูแล หากพบมีเรือหรือบุคคลเข้าไปบริเวณกองปะการังในเวลากลางคืนให้แจ้งกลับมายังเจ้าหน้าที่ทันที และประชาสัมพันธ์กับผู้นำชุมชน ประชาชน โดยเฉพาะผู้ประกอบอาชีพประมงชายฝั่งให้รับทราบถึงความผิดและโทษทางอาญาของการลักลอบขนย้ายปะการัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ทช.ได้ลงพื้นที่ติดตามความเสียหายหลังจากชาวบ้านแจ้งว่ามีผู้ลักลอบตัดปะการังจาน ขนาดความกว้างกว่า 5 เมตรน้ำหนักราว 1,000 กิโลกรัม อายุนับพันปี ที่ทะเลชุมพร หลังชาวบ้านแจ้งพบถูกขโมย จนเสียหายแตกออกเป็นเสี่ยงๆ บางชิ้นมีขนาด 1 เมตร และสำรวจที่ด้านล่างพบแตกหักกระจัดกระจาย