เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าตรวจยึดรถหรู ยี่ห้อแลนด์โรเวอร์ ไฮบริด ซึ่งเป็นรถที่ถูกโจรกรรมมาจากประเทศอังกฤษเพิ่มอีก 1 คัน หลังทำการเปรียบเทียบเลขเครื่องยนต์ และเลขคัสซี รวมถึงเอกสารต่างๆ พบว่าตรงกับข้อมูลมาจากหน่วยต่อต้านการโจรกรรมรถยนต์ ประเทศอังกฤษ ที่บริษัทแห่งหนึ่งภายในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง เขตประกอบการค้าเสรี
พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า กรณีนี้ยังเป็นการขยายผลตรวจสอบรถหรูที่ลักลอบนำเข้ามาจำหน่ายในไทย โดยเป็นรถที่โจรกรรมมาจากอังกฤษ สำหรับรถหรูที่ถูกนำมาเก็บที่นี่พบว่า ผู้เช่าพื้นที่ คือ บริษัท เจ เอ็ม ดับบิว มอเตอร์ จำกัด สำหรับกรณีนี้เป็น 1 ในคดีที่หน่วยต่อต้านการโจรกรรมรถยนต์อังกฤษ ประสานมาที่ดีเอสไอให้ติดตามรถซูเปอร์คาร์ ที่ถูกโจรกรรมจากอังกฤษไป 60 คัน ในจำนวนนี้มีข้อมูลว่าถูกลำเลียงเข้ามาในไทย 42 คัน
พ.ต.ท.กรวัชร์ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอติดตามพบแล้ว 13 คัน แยกเป็นการตรวจพบในโชว์รูม ของบริษัท เอส ทีที ออโต้คาร์ จำกัด 7 คัน ในจำนวนนี้มีผู้ซื้อไปครอบครองแล้ว 2 คัน ขณะเดียวกันมีการตรวจพบในพื้นที่ฟรีโซน กรมศุลกากรย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ อีก 3 คัน และพบข้อมูลการลำเลียงส่งต่อออกไปที่ฮ่องกง 2 คัน ซึ่งอยู่ระหว่างประสานงานให้เจ้าหน้าที่ติดตามและส่งกลับมายังไทยและคันล่าสุด คือ แลนด์โรเวอร์ รุ่นเรนเจอร์โรเวอร์ ไฮบริท ที่ตรวจพบ
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการตรวจสอบคดีรถหรูว่าได้สั่งให้เข้าไปตรวจสอบคดีรถหรูใน 2 ประเด็น คือเรื่องการสำแดงราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริงว่า มีเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ส่วนอีกเรื่องเป็นเรื่องการขโมยรถหรูมาจำหน่ายในไทย ก็ให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่เช่นกันว่ามีส่วนเกี่ยวข้องแค่ไหน แต่เรื่องนี้ทางกรมศุลฯ เป็นแค่ตัวผ่านเท่านั้น แต่หน้าที่หลักจะเป็นการตรวจสอบของดีเอสไอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องต้นดีเอสไออาจเสนอให้ใช้มาตรา 44 กำหนดให้มีการเรียกเก็บภาษีที่ชำระไว้ขาดในลักษณะเหมาจ่าย เพื่อให้รัฐได้เงินภาษีนับหมื่นล้านบาทที่สูญหายไปจากระบบกลับคืนมา อีกทั้งยังป้องกันไม่ให้ผู้ประกอบการรวมตัวไปวิ่งเต้นล้มคดี