นับเป็นครั้งแรกของการก้าวเข้ามาเป็นทหารพรานหญิง นาวิกโยธิน กองทัพเรือ กับการฝึกปฏิบัติ 105 วัน ซึ่งจะเปลี่ยนจากพลเรือนเป็นทหาร และเป็นดอกประดู่เหล็กแห่งราชนาวีไทย เพื่อพิทักษ์รับใช้ประชาชน
ทหารพรานหญิงจะถูกบ่มเพาะ ขัดเกลา ให้มีระเบียบวินัย มีภาวะผู้นำ ยึดมั่นที่จะเสียสละ ซึ่งใช้ค่ายเทวาพิทักษ์ อำเภอโปร่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี เป็นสถานที่ในการฝึก และต้องผ่าน 2 หลักสูตรหลัก คือ หลักสูตรเบื้องต้นอาสาสมัครทหารพรานหญิง และหลักสูตรการปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนลงพื้นจังหวัดนราธิวาสในเดือนตุลาคม 2560
และในช่วงเวลาของการฝึกปฏิบัติทหารพรานหญิงกว่า 100 ชีวิต ไม่เพียงแค่การจับถืออาวุธปืนประจำกาย แต่หมายถึงต้องฝึกความอดทน กฎระเบียบ ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรม เพื่อป้องกันเงื่อนไขต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น
“หนึ่งฝันอยากเป็นทหาร สองจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังไม่สงบ พอเข้าเปิดช่องทางให้พลเรือนสมัคร เราก็เลยอยากมา และด้วยความอยากเห็นประเทศไทยสงบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาที่นานแล้ว ยังไม่สงบสักที เราเลยอยากไปช่วย เราเป็นคนไทยคนหนึ่ง เป็นจุดเล็กๆ คนหนึ่งที่อยากช่วยประเทศไทย อยากช่วยบ้านของเรา” ทหารพรานหญิง นาวิกโยธิน กองทัพเรือ กล่าว
กว่า 100 ชีวิต ที่เข้ามาฝึกเป็นทหารพรานหญิง ส่วนใหญ่ร้อยละ 70 เป็นคน ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ และอีกร้อยละ 30 มาจากภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง แต่ทั้งหมดยึดมั่นที่จะลงไปทำงานในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อแก้ไข ไม่ใช่แก้แค้น
“เป็นคนเกิดที่นั่นเลย ถามว่าความขัดแย้งของคนมุสลิมที่เขาอ้างขึ้นมานั้นเป็นอย่างไร แต่สำหรับตัวหนูแล้วมันไม่ใช่เลย ตัวหนูเป็นมุสลิมแต่ก็มีเพื่อนไทยพุทธ ส่วนมากเราอยู่ฉันท์พี่ฉันท์น้องมาโดยตลอด ถามว่ามาฝึกเพื่ออะไร เพื่อไปแก้ไข ปรับทัศนคติเพื่อนหรือว่าคนในหมู่บ้านว่ามันเป็นแบบนี้ แบบนี้ มันไม่ได้เป็นอย่างที่ว่า คือให้เขาคิดในแง่ดี ดีกว่าคิดในแง่ลบ เลยอยากกลับไปแก้ไขความคิดของชาวมุสลิมที่เรารู้จัก” ทหารพรานหญิง นาวิกโยธิน กองทัพเรือ กล่าว
สิ่งสำคัญที่ต้องจดจำเสมอคือ การแก้ไขปัญหาด้วยทัศนะเชิงบวก ไม่เป็นผู้สร้างเงื่อนไขและกว่าจะได้เป็น "ดอกประดู่เหล็ก หญิงแกร่งแห่งราชนาวีไทย" นอกจากการฝึกตามหลักสูตรอย่างหนักแล้ว ยังต้องฝ่าฟันอุปสรรคหลากหลาย นั้นก็เพื่อให้เสียเหงื่อในสนามฝึกวันนี้ เพราะจะดีกว่าวันข้างหน้า ที่จะต้องเสียเลือดเนื้อ ในสนามรบ