ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ประนอม คงพิกุล รองผู้อำนวยการ พศ. หนึ่งในเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ระบุว่าเรียกรับเงินอุดหนุนวัด ยังคงไม่กลับมาทำงาน สอดคล้องกับข้อมูลของเจ้าหน้าที่ของพศ.ที่ระบุว่าไม่เห็น น.ส.ประนอม ตั้งแต่มีการเปิดเผยเรื่องนี้ขึ้นมา แม้ พศ.เตรียมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงในอีก 1-2 วันนี้
และนี้ไม่ใช้ครั้งแรกที่ผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจิริตเงินอุดหนุนวัด จากการตรวจสอบย้อนหลังพบเมื่อปี 2559 น.ส.ประนอมเคยถูกร้องเรียนทุจริตเงินอุดหนุนวัดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาแล้ว ครั้งนั้นไม่ได้พบกระทำความผิด เพราะชี้แจงว่าจัดสรรงบประมาณผิดพลาด แต่ขั้นตอนการทุจริตครั้งนี้กลับไปสอดคล้องกับครั้งนั้นอย่างมาก เพราะมีวิธีการเดียวกันคือโอนเงินให้วัดก่อนและเรียกเก็บเงินวัดทีหลัง
นายกนก แสนประเสริฐ รองผู้อำนวยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ระบุว่า น.ส.ประนอม และผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสงขลา เคยถูกร้องเรียนทุจริตเงินอุดหนุนวัด ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา จากการตรวจสอบไม่มีเจตนากระทำความผิด แต่ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสงขลาได้รับโทษทางวินัยร้ายแรง ให้ออกจากราชการไปแล้ว ตามมาตรา 44
หลังมีการเปิดเผยรายชื่่อวัดที่เข้าข่ายทุจริตและมีผู้บริหารระดับสูงเข้าไปเกี่ยวข้อง ผู้อำนวยการ พศ.เปิดเผยกับไทยพีบีเอสว่า มีพระสงฆ์และประชาชนเข้ามาร้องเรียนการทุจริต โดยเฉพาะการใช้งบพุทธศึกษาให้การศึกษาพระสงฆ์กว่า 1,000 ล้านบาท และกิจกรรมเผยแผ่ทางศาสนาอีก 400 - 600 ล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า มีเจ้าหน้าที่ พศ. เข้าไปเกี่ยวข้อง และแต่ละครั้งที่จัดกิจกรรมต้องจ่ายค่าวิทยากรตั้งแต่ 20,000 - 50,000 บาท ทำให้การใช้งบประมาณแต่ละครั้งสูงมาก
ล่าสุด พศ.แก้ไขปัญหาเบื้องต้นโดยตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตทั้งหมด ส่วนการแก้ไขในระยะยาว พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการ พศ. ยืนยันว่า ต้องมีกฎหมายจัดระบบบัญชีทรัพยสินของวัด ควบคุมและรายงานทรัพย์สิน และต้องเปิดเผยข้อมูลทรัพย์สินของวัดทั้งหมด เพื่อป้องกันการทุจริตซ้ำอีก