ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด "วัฒนา เมืองสุข ”ทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร

การเมือง
15 มิ.ย. 60
12:58
744
Logo Thai PBS
ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด "วัฒนา เมืองสุข ”ทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร
ปปช. มีมติชี้มูลความผิดนายวัฒนา เมืองสุข อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย สมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กับพวกว่ามีพฤติกรรมทุจริตในโครงการบ้านเอื้ออาทร

วานนี้(14 มิ.ย.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดนายวัฒนา เมืองสุข อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย สมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กับพวก ว่ามีพฤติกรรมทุจริตในโครงการบ้านเอื้ออาทร 

สำหรับคดีดังกล่าวนายวัฒนา กับพวกถูกกล่าวหาว่า เรียกรับเงินจากผู้ประกอบการเอกชนในการจัดซื้อจัดจ้างโครงการบ้านเอื้ออาทร โดยเริ่มจากการที่บริษัทพาสทิญ่าไทย ได้โควตาเป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติ 7 โครงการ 7,500 ยูนิต มูลค่า 2,500 ล้านบาท

ทั้งที่ไม่มีคุณสมบัติในการเข้าเป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติ แต่ได้มีการจ่ายเงินใต้โต๊ะเพื่อให้สามารถเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐได้

โดยเรื่องดังกล่าวเริ่มมีการตรวจสอบหลังวันที่ 19 ก.ย. 2549 โดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่ง ชาติ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ขึ้นมาเพื่อตรวจสอบโครงการต่างๆ ในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร

ซึ่งโครงการทุจริตบ้านเอื้ออาทรเป็นหนึ่งในโครงการอื้อฉาวที่ คตส.เข้าไปตรวจสอบ โดยพบว่ามีหลายโครงการที่ผิดปกติ รวมถึงโครงการที่มีการกล่าวหานายวัฒนาและพวกด้วย ต่อมาเมื่อคตส.หมดหน้าที่ได้ส่งสำนวนทั้งหมดที่ยังค้างอยู่มาให้ป.ป.ช.พิจารณาต่อ

โดยปัจจุบันคณะกรรมการ ป.ป.ช. ส่งสำนวนการไต่สวน และรายงานให้กับสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว แต่อัยการเห็นว่าคดีดังกล่าวยังมีข้อไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะประเด็นข้อกฎหมาย จึงต้องตั้งคณะกรรมการร่วมพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ระหว่างอัยการและ ป.ป.ช. ก่อนส่งฟ้องต่อศาลต่อไป ซึ่งหากยังหาข้อยุติไม่ได้ ป.ป.ช. สามารถเรียกสำนวนกลับคืนมาส่งฟ้องเองได้

ทั้งนี้นายวัฒนา กับพวก มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 ฐานผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปีหรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000 - 40,000 บาท หรือประหารชีวิต

และผิดมาตรา149 ฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 100,000-400,000 บาท หรือประหารชีวิต

"วัฒนา"ชี้เจอใบสั่งบีบหลังวิพากษ์รัฐบาล 

 

ด้านนายวัฒนา เมืองสุข อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นเรื่องการเมือง เป็นความพยายามของผู้มีอำนาจ โดยนำเรื่องคดีมาบีบ ไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องคดีก็ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม ผู้มีอำนาจมักนำเรื่องคดีมาขู่ เวลาวิพากษ์วิจารณ์  สิ่งที่เกิดขึ้นมีการแทรกแซง มีใบสั่ง จะให้มาปิดปาก คดีนี้เกิดมาตั้งแต่รัฐประหารปี 2549 ข้อที่น่าสังเกต มีระยะเวลาเนิ่นนาน แต่กลับถูกเร่ง ในช่วงที่รัฐบาลถูกวิจารณ์หนักๆ และไม่ได้โดนคดีนี้เป็นคดีแรก โดนทั้งคดีเรื่องหวย เรื่องรถดับเพลิง มาถึงรัฐบาลนี้ก็โดนทั้ง พรบ.คอมพิวเตอร์ ล้วนเป็นคดีที่เกิดจากการรัฐประหาร แม้แต่ส่งคนไปชกก็เคยมาแล้ว เรื่องที่ทำให้ตนหยุดวิพากษ์วิจารณ์ได้คือ รัฐบาลทำให้ดี ถ้าทำดี ก็คงวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ ผู้มีอำนาจมีวัตถุประสงค์ กดดันเร่งรัดคดีให้ตนเกรงกลัว พร้อมทั้งดิสเครดิต เรื่องการวิพากษ์วิจารณ์ก็เป็นเรื่องหนึ่ง เรื่องคดีก็ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง