ถอดบทเรียนคดีแม่และพ่อเลี้ยงทำร้ายลูกก่อนถ่วงน้ำ

ภูมิภาค
15 มิ.ย. 60
19:38
9,672
Logo Thai PBS
ถอดบทเรียนคดีแม่และพ่อเลี้ยงทำร้ายลูกก่อนถ่วงน้ำ
คดีด.ญ.วัย 12 ปีถูกแม่และพ่อเลี้ยงทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตและนำศพไปถ่วงน้ำ พบว่า เด็กถูกเปลี่ยนคนเลี้ยง 3 ครั้งโดยเฉพาะแม่ที่ไม่เคยเลี้ยงดูลูกมาตั้งแต่เด็ก นักจิตวิทยาระบุว่า นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กมีพฤติกรรมต่อต้านจนเกิดการใช้ความรุนแรงในครอบครัว

คำพูดของ ด.ญ.พรทิพย์ กุลนานันท์ หรือ น้องรุ้ง วัย 12 ปี ที่บอกรักพ่อและแม่ซึ่งเธอบันทึกเป็นคลิปวีดีโอไว้ในโทรศัพท์ ของนางสายสมร จงทรงชัย ผู้เป็นยายและเป็นสิ่งสุดท้ายที่ ด.ญ.วัย 12 ปี บันทึกไว้ก่อนเธอจะถูก น.ส.สุภาพร นนทรา ซึ่งเป็นแม่และนายวจะรัน ทัดสวรรค์ พ่อเลี้ยงทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตและนำศพไปถ่วงน้ำใน จ.สมุทรปราการ

กระท่อมหลังเล็กในหมู่บ้านท่าวารี ต.แสนสุข อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด คือ บ้านที่ ด.ญ.วัย 12 ปี อาศัยอยู่กับตายายและน้องอีก 2 คน ยายบอกว่าน้องรุ้งย้ายมาอยู่กับครอบครัวเมื่อ 1 ปี ก่อน หลังพ่อซึ่งเป็นสามีเก่าของลูกสาวเสียชีวิต และช่วงเดือน เม.ย. แม่ของน้องรุ้งมารับตัวไปอยู่ด้วย ซึ่งไม่คิดว่าลูกสาวจะทำร้ายหลานจนเสียชีวิต

ข่าวน้องรุ้งถูกแม่ทำร้ายสร้างความสะเทือนใจให้กับคนในครอบครัวรวมถึงเพื่อนบ้าน หลายคนบอกว่าน้องรุ้งเป็นเด็กนิสัยดีแต่มีบุคคลิกที่เงียบและชอบเก็บตัว ที่ผ่านมาคนในชุมชนจะคอยช่วยเหลือ เพราะเห็นว่าครอบครัวมีฐานะยากจน

แม้จะมีความผูกพันธุ์ทางสายเลือดแต่ความไม่คุ้นเคย จากการที่ไม่ได้เลี้ยงดูลูกมาตั้งแต่เด็ก เป็นสาเหตุที่คนในครอบครัวเชื่อว่าอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แม่ของน้องรุ้งทำร้ายลูก สอดคล้องกับความเห็นของนักจิตวิทยา ที่มองว่า กรณีเด็กหญิงวัย 12 ขวบ ถูกแม่และพ่อเลี้ยงทำร้ายจนเสียชีวิต สาเหตุหลักเกิดจากการเลี้ยงดูและปัญหาการปรับตัวเพื่อเข้ากับครอบครัวใหม่ หลังเด็กต้องสูญเสียพ่อ

พฤติกรรมต่อต้านและไม่ยอมรับครอบครัวใหม่ ทำให้เสี่ยงต่อการใช้ความรุนแรงหรือลงโทษเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่ครอบครัวแตกแยก และต้องเปลี่ยนคนเลี้ยงดูบ่อยครั้ง ถือว่าเป็นเด็กกลุ่มเสี่ยง นักจิตวิทยาระบุว่าครอบครัวที่มีเด็กกลุ่มเสี่ยงต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบด้านจิตใจ โดยก่อนที่จะเปลี่ยนผู้เลี้ยงดูทุกครั้ง ผู้เลี้ยงดูคนใหม่ต้องสร้างความคุ้นเคยกับเด็ก และครอบครัวเดิม เพื่อให้เด็กได้ปรับตัว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง