"บิ๊กกรมป่าไม้” ยืนยันยังไม่อนุญาตใช้ป่า 2 พันไร่สร้างสนามบินพังงา

สิ่งแวดล้อม
22 มิ.ย. 60
09:37
2,943
Logo Thai PBS
"บิ๊กกรมป่าไม้” ยืนยันยังไม่อนุญาตใช้ป่า 2 พันไร่สร้างสนามบินพังงา
นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ ยืนยันยังไม่อนุญาตใช้พื้นที่ป่าคลองทุ่งมะพร้าว 2 พันไร่ ในจ.พังงา ก่อสร้างสนามบินของบริษัทบางกอกแอร์เวย์ ระบุยังไม่ผ่านการจัดทำรายงานสิ่งแวดล้อม และยังต้องพิจารณาให้ครบทุกมิติ

วันนี้(22 มิ.ย.2560)นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ ยืนยันว่า ขณะนี้ กรมป่าไม้ยังไม่มีการพิจารณาอนุญาตใดๆ ให้บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบางกอกแอร์เวย์   เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองทุ่งมะพร้าว ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา จำนวน 2,000 ไร่ เพื่อก่อสร้างสนามบินพังงา เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ ประกอบการพิจารณา แต่ที่ผ่านมาการยื่นคำขออนุญาต ยังไม่มีการจัดทำอีไอเอ และการก่อสร้างสนามบิน เป็นโครงการขนาดใหญ่เกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วน

อธิบดีกรมป่าไม้ ระบุว่า ยังต้องรับฟังความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วนำมาพิจารณาภายใต้ระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรี หากได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน กรมป่าไม้ จะนำเรื่องเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ที่มีนายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป

"ยืนยันว่าต่อไปนี้ การขอใช้พื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จะต้องมีการพิจารณาในทุกมิติ และคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดที่ประเทศชาติจะได้รับ ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติถือเป็นหลักคิดสำคัญก่อนการอนุมัติโครงการใด ๆ” อธิบดีกรมป่าไม้ ระบุ

ก่อนหน้านี้มีข่าวผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ได้ลงนามอนุญาตให้ใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติคลองทุ่งมะพร้าว จ.พังงา จำนวน 2,000 ไร่ เพื่อก่อสร้างสนามบินพังงา เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2559 โดยระบุมีการประชุมระดมความคิดเห็น และได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบสภาพป่าแล้ว พบว่าพื้นที่ที่ขออนุญาตเป็นป่าเสื่อมโทรม ไม่มีสภาพป่าแล้ว ตรงกับประกาศของกรมป่าไม้ รวมทั้งสภาเทศบาลตำบลลำแก่นมีมติเห็นชอบให้ใช้พื้นที่ป่าดังกล่าวด้วยเช่นกัน ดังนั้น ขั้นตอนการพิจารณาอนุญาตชั้นสุดท้ายอยู่ที่กรมป่าไม้

 

เปิดขั้นตอนขออนุญาตใช้พื้นที่ป่า


สำหรับขั้นตอนการขอเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ นายชลธิศ บอกว่า ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอเป็นเอกชนจะต้องยื่นคำขออนุญาต พร้อมเอกสารแนบท้ายคำขอ เช่น ความเห็นชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รายงานอีไอเอ ตามระเบียบกรมป่าไม้ว่าด้วยการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2548 ตามความในมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

 

 

โดยเริ่มจากผู้ขอยื่นคำขอที่ ทสจ. จากนั้นจะเสนอให้ผู้ว่าฯพิจารณาภายใน 7 วัน เพื่อให้ผู้ว่าฯ สั่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสภาพป่าภายใน 15 วัน พร้อมทั้งแจ้งสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ท้องที่ร่วมดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ แล้วรายงานผลต่อผู้ว่าฯ ภายใน 30 วัน หลังตรวจสภาพป่าเสร็จสิ้น ผู้ว่าฯ และผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ท้องที่ ทำความเห็นเสนอกรมป่าไม้ภายใน 15 วัน

เมื่อกรมป่าไม้ได้รับเรื่องคำขอดังกล่าว จะตรวจสอบข้อมูลเพื่อนำเสนอคณะอนุกรรมการกลั่นกรองพิจารณา จากนั้นจะนำผลการพิจารณาเสนอคณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบ หากเห็นชอบกรมป่าไม้จะแจ้งจังหวัดท้องที่ เพื่อออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง