"ปลอมเอกสารสิทธิ์"สวมขึ้นทะเบียนสวนป่ากว่า 300 ไร่ จ.แม่ฮ่องสอน

สิ่งแวดล้อม
26 มิ.ย. 60
11:59
781
Logo Thai PBS
 "ปลอมเอกสารสิทธิ์"สวมขึ้นทะเบียนสวนป่ากว่า 300 ไร่ จ.แม่ฮ่องสอน
ดีเอสไอ ลงพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน พร้อมสอบสวนคดีที่มีผู้นำเอกสารสิทธิ์ปลอมไปขึ้นทะเบียนสวนป่า ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ยวม กว่า 10 แปลง เป็นพื้นที่กว่า 300 ไร่สำหรับปลูกต้นสัก คดีนี้จะเป็นคดีตัวอย่างของรูปแบบการใช้สวนป่าเพื่อเป็นช่องทางในการลักลอบตัดไม้

วันนี้ (26มิ.ย.2560) เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ มส.8 หางปอน นำทีมข่าวไทยพีบีเอส ลงพื้นที่แปลงสวนป่า ของนายวิสุทธิ์ บุรุษภักดี ที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ยวมฝั่งซ้าย อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน จำนวน 10 แปลง รวมพื้นที่ 278 ไร่ ที่มีต้นสักที่ขึ้นทะเบียนรวม 111,1000 ต้น สวนป่าของนายวิสุทธิ์ ขึ้นทะเบียน ด้วยเอกสาร นส.3 และนส.3 ก. ในปี 2536 มีนายสมเจตน์ วิริยะดำรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในขณะนั้นเป็นนายทะเบียน ขึ้นทะเบียนทั้งหมด 14 แปลง เป็นพื้นที่นอกป่าสงวนแห่งชาติ 4 แปลง พื้นที่ 112 ไร่ แต่ในปี 2538 ศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีคำพิพากษาให้เอกสารสิทธิ์ ที่นายวิสุทธิ์ นำมาขี้นทะเบียน เป็นเอกสารปลอม ส่งผลผูกพันธ์ให้นิติกรรมที่ทำโดยเอกสารปลอมเป็นโมฆะ

เป็นเวลาถึง 15 ปี ที่นายวิสุทธิ์ ไม่ได้เข้ามาในพื้นที่สวนป่า จนกระทั่งปี 2557 นายวิสุทธิ์ ได้แจ้งความต่อตำรวจภูธรขุนยวม ว่ามีผู้ลักลอบตัดไม้สักในเขตสวนป่าของตัวเอง เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดไม้ที่ลักลอบตัด ขณะที่ตำรวจภูธรขุนยวมรวบรวมเอกสารหลักฐานพบว่า เอกสารสิทธิ์ที่นายวิสุทธิ์นำมาอ้างเป็นเอกสารปลอม จึงไม่สั่งดำเนินคดี

การแสดงตัวว่าเป็นผู้ครอบครองสวนป่าในป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ยวมฝั่งซ้าย ของนายวิสุทธิ์ ในปี 2557 ทำให้เกิดเป็นคดีการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ จนเจ้าหน้าที่ป่าไม้แจ้งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ตรวจสอบ และพบว่าพื้นที่บางส่วนถูกตัดต้นสักออกไปบางส่วนแล้ว

การเข้าทำกินในพื้นที่ สวนป่าเดิมของนายวิสุทธิ์ ของชาวบ้านรอบพื้นที่ บางส่วนอ้างว่ามีเอกสารสิทธิ์อยู่เติมแต่ถูกเอกสารสิทธิ์ปลอมของนายวิสุทธิ์ทับซ้อนจึงเข้ามาทำกิน แต่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ยืนยันว่าจะต้องตรวจสอบเป็นรายบุคคล รวมถึงการตัดไม้สักที่ถูกปลูกอยู่เดิมด้วย

กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้รับคดี การปลอมเอกสารสิทธิ์เพื่อขึ้นทะเบียนสวนป่า ของนายวิสิทธิ์ เป็นคดีพิเศษ เพราะเป็นคดีที่มีผลกระทบอย่างรุนแรงกับทรัพยากรธรรมชาติ และคดีนี้จะเป็นคดีตัวอย่าง ของการใช้เอกสารปลอม ขึ้นทะเบียนสวนป่าเพื่อลักลอบตัดไม้สัก

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง