สันอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น "พัง" ยาว 20 เมตร - กรมชลฯ เร่งซ่อมภายใน 20 วัน

ภัยพิบัติ
29 ก.ค. 60
17:28
3,745
Logo Thai PBS
สันอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น "พัง" ยาว 20 เมตร - กรมชลฯ เร่งซ่อมภายใน 20 วัน
ทีมข่าวไทยพีบีเอสตรวจสอบบริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น หลังจากเกิดเหตุอ่างเก็บน้ำถูกน้ำกัดเซาะจนพังเสียหาย ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมตัวเมืองจังหวัดสกลนคร

วันนี้ (29 ก.ค.2560) ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสลงพื้นที่ตรวจสอบอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น จ.สกลนคร พบแนวสันดินของอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น หายไปประมาณ 20 เมตร เนื่องจากถูกน้ำกัดเซาะจนพังเสียหาย และน้ำภายในอ่างไหลออกไปยังพื้นที่ใกล้เคียงเป็นจำนวนมาก จนขณะนี้สามารถมองเห็นสันดอนภายในอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้นอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ ปริมาณน้ำป่าจากเทือกเขาภูพานที่ไหลลงมายังอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น มีปริมาณมาก ทำให้น้ำในอ่างล้นออกและกัดเซาะแนวสันดิน ส่งผลให้น้ำไหลออกไปยังตัวเมืองสกลนคร

ชลประทานจังหวัดสกลนคร ให้ข้อมูลว่าปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้นมีหลายปัจจัยทั้งปริมาณฝนที่ตกต่อเนื่องตลอด 2 วันที่ผ่านมา รวมทั้งแม่น้ำโขงหนุนสูงไม่สามารถระบายน้ำออกไปได้ ขณะที่น้ำท่วมตัวเมืองสกลนคร ไม่ใช่น้ำจากอ่างเก็บห้วยทรายขมิ้นเพียงแห่งเดียว แต่มีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดน้ำท่วม

กรมชลฯ เผย สันอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น ถูกน้ำกัดเซาะพัง เร่งซ่อมภายใน 20 วัน 

นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน ชี้แจงข้อเท็จจริงสถานการณ์อ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น จ.สกลนคร ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานว่าอ่างเก็บน้ำได้แตก ส่งผลให้น้ำไหลเข้าท่วมตัวเมืองสกลนครเมื่อวานนี้ว่า อ่างเก็บน้ำแห่งนี้มีความจุ 2.40 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่เนื่องจากมีฝนตกชุกมากในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน

ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้นเป็นจำนวนมาก โดยอิทธิพลจากพายุเซินกา ทำให้ในระยะเวลาเพียง 20 ชั่วโมง มีน้ำไหลหลากจากตอนบนลงสู่อ่างเก็บน้ำมากถึง 3.75 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงเกิดน้ำเอ่อล้นข้ามทำนบดิน และเกิดการกัดเซาะบริเวณสันเขื่อนขึ้น

"เจ้าหน้าที่ของกรมชลประทาน ได้ตรวจสอบในเบื้องต้นคาดการณ์ว่าเกิดการกัดเซาะบริเวณสันเขื่อนลึกประมาณ 4 เมตร กว้าง 20 เมตร จากความยาวสันเขื่อนทั้งหมด 1,300 เมตร ต่อมาเมื่อระดับน้ำท่วมได้ลดลง สามารถสัญจรได้แล้ว เจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเขื่อน ได้เดินทางเข้าไปในพื้นที่และได้ดำเนินการตรวจสอบความเสียหายอย่างละเอียด พบว่าสันเขื่อนและทำนบดินที่เหลือ ยังมีความมั่นคงแข็งแรงดี สามารถรองรับน้ำได้ตามศักยภาพปัจจุบัน" นายทองเปลว กล่าว

ทั้งนี้ กรมชลฯ ได้ส่งเครื่องจักรเครื่องมือเร่งดำเนินการเข้าไปซ่อมแซมสันเขื่อนที่ถูกกัดเซาะแล้วตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค. 60 และจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 20 วัน พร้อมกับยืนยันว่าส่วนสันเขื่อนและทำนบดินส่วนที่เหลือยังมีความมั่นคงแข็งแรงดี

นายทองเปลวชี้แจงเพิ่มเติมว่า ปริมาณน้ำที่ไหลออกจากอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น จะไม่ไหลผ่านลงสู่ตัวเมืองสกลนคร แต่จะไหลลงสู่คลองน้ำอูนและหนองหาร ซึ่งปริมาณน้ำที่ไหลลงหนองหาร ไม่ได้ทำให้เกิดภาวะน้ำท่วม ในตัวเมืองสกลนครโดยตรง แต่จะทำให้ระดับน้ำในหนองหารเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้น้ำจากในเขตเทศบาลเมืองสกลนครระบายได้ยากขึ้น ซึ่งกรมชลประทาน ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำรวมจำนวน 26 เครื่อง หนองหารลงสู่ลำน้ำก่ำ โดยขณะนี้ติดตั้งแล้วจำนวน 4 เครื่อง ที่ประตูระบายน้ำธรณิศนฤมิต จังหวัดนครพนม และจะทยอยติดตั้งอีก 22 เครื่อง เพื่อช่วยเร่งระบายน้ำจากลำน้ำก่ำระบายลงสู่แม่น้ำโขงตามลำดับต่อไป

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง