ตลอดช่วงเวลาที่มีการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในช่วงปี 2551 ตั้งแต่การเคลื่อนขบวนแบบดาวกระจาย การปิดกั้นเส้นทางโดยรอบทำเนียบรัฐบาล หรือกระทั่งการเข้าบุกยึดทำเนียบรัฐบาล แม้จะมีความพยายามยุติการชุมนุม มีการเผชิญหน้า แต่ก็ไม่ได้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง ระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้ชุมนุม
แต่ในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ซึ่งเป็นวันที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น จะต้องกล่าวแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กลายเป็นวันที่เกิดการปะทะกันรุนแรงที่สุด ระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้ชุมนุม ที่ปิดล้อมโดยรอบอาคารรัฐสภา มีการใช้แก๊สน้ำตาเพื่อจะเปิดทางให้รัฐมนตรี และ ส.ส. ที่อยู่ในรัฐสภา สามารถเดินทางออกมาได้ หลังการแถลงนโยบายเสร็จสิ้น ซึ่งการสลายการชุมนุมในครั้งนั้น ทำให้ผู้ชุมนุมบาดเจ็บ และเสียชีวิต เป็นที่มาของการตัดสินคดีในวันนี้
แก๊สน้ำตาถูกยิงขึ้นนัดแรกหลังกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเข้าปิดล้อมอาคารรัฐสภา เมื่อช่วงเช้าวันที่ 7 ตุลาคม 2551 เพื่อไม่ให้รัฐบาล นำโดยนายสมชาย วงสวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น เข้าไปแถลงนโยบายต่อรัฐสภา แต่กำลังตำรวจในขณะนั้นสามารถนำรัฐบาลเข้าไปด้านในอาคารรัฐสภาได้ ซึ่งนายสมชาย วงสวัสดิ์ ก็ได้แถลงนโยบายต่อสภาภายในระยะเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จากที่กำหนดไว้เดิมคือ 3 วัน คือตั้งแต่วันที่ 7- 9 ตุลาคม ในขณะที่แกนนำฝ่ายค้านคือพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เข้าร่วมแถลง
ในระหว่างนั้นก็ยังคงมีเหตุวุ่นวายอยู่ด้านหน้ารัฐสภาและโดยรอบโดยกลุ่มรัฐบาลไม่ส่ามารถเดินทางออกจากรัฐสภาได้ตำรวจจึงได้รับคำสั่งให้เปิดทางให้รัฐบาลออกจากพื้นที่และได้ใช้แก๊สน้ำตายิงเพื่อเปิดทางขณะที่นายสมชาย ได้ออกจากอาคารรัฐสภาทางด้านหลัง ด้วยการปีนรั้ว
เหตุการณ์ยังคงยืดเยื้อไปจนถึงช่วงเย็นของวันที่ 7 ตุลาคม แม้ว่าจะมีการยิงแก๊สน้ำตาเป็นระยะแต่สลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรได้เพียงชั่วคราว เนื่องจากกลุ่มพันธมิตรยังถอยร่น และกลับเข้ามาพื้นที่ ในระหว่างช่วงเหตุการณ์วุ่นวายก็เกิดเหตุระเบิดรถยนต์คันหนึ่ง บนถนนสุโขทัยตรงข้ามพรรคชาติไทย มีผู้เสียชีวิต 1 คน คือ พ.ต.ต.เมธี ชาติมนตรี อดีตสารวัตรป้องกันปราบปราม จ.บุรีรัมย์
จนมาถึงช่วงเวลาค่ำของวันที่ 7 ตุลาคมการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรมาอยู่ที่บริเวณ ถนนศรีอยุธยาใกล้กับกองบัญชาการตำรวจนครบาล และยังคงมีการยิงแก๊สน้ำตา อย่างต่อเนื่องซึ่งมีผู้บาดเจ็บหลายคน และหนึ่งในนั้นไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล คือ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือน้องโบว์ โดยครั้งนั้น มีการสรุปผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต คือ 443 คนเสียชีวิต 2 คน