เปิดชีวิต นักดนตรีกลางคืน ผู้สร้างความสนุกบนความเสี่ยง

ไลฟ์สไตล์
9 ส.ค. 60
17:24
13,957
Logo Thai PBS
เปิดชีวิต นักดนตรีกลางคืน ผู้สร้างความสนุกบนความเสี่ยง
ได้ชื่อว่าเป็น “คนกลางคืน” ไม่ว่าอยู่ในอาชีพไหน ทำอะไร ก็ดูสุ่มเสี่ยงเป็นเดิมพันอยู่แล้ว แต่ยิ่งถ้าต้องทำงานเกี่ยวข้องกับคนดื่มเหล้า เมาแอลกอฮอล์ ก็ยิ่งต้องระวังมากกว่าเดิมเป็นพิเศษ เพราะเราไม่รู้เลยว่า พอเมาขึ้นมาแล้ว จะมาอารมณ์ไหน ตอนไหนจะดี จะร้าย

“นักร้องนักดนตรี” เป็นอาชีพหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางนักดื่มทั้งหลาย คนฟังมีหลากหลายรสนิยม อารมณ์ การตอบสนอง ถ้าพี่ชอบเพลงที่คุณร้อง พี่อาจจะทิปพิเศษแบบถึงไหนถึงกัน ถ้าพี่ไม่ชอบ นักร้องอาจจะถูกขว้างปาด้วยสิ่งของ

กรณีของ “ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์” นักร้องเพลงเพื่อชีวิตชื่อดัง ก็เช่นเดียวกัน ที่แฟนเพลงทหารอากาศ จ่อปืนขู่เพียงเพราะเจ้าตัวไม่ยอมจับมือด้วยขณะร้องเพลงในผับชื่อดัง จ.อำนาจเจริญ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์และสร้างความห่วงใยต่อบรรดาแฟนเพลงจำนวนมาก แม้ว่าปูจะไม่เอาความ แต่ตามกฎหมายและระเบียบวินัยทหารก็ดำเนินต่อไป

สิ่งหนึ่งที่มากกว่านั้น มีคำถามว่า “ชีวิตคนดนตรีกลางคืน” ที่ต้องทำมาหากินเหมือนคนกลางวัน แค่ต่างกันตรงเวลา จะยังมีความปลอดภัยอยู่ไหม เหมือนที่ปูเขียนจดหมายเปิดผนึก ถามรัฐว่า “อยู่ตรงไหนถึงจะปลอดภัย”

ทีมข่าวไทยพีบีเอส ออนไลน์ ท่องไปในยามราตรี เพื่อฟังเสียงสะท้อนจากปากของนักดนตรี นักร้องกลางคืน ที่ผ่านประสบการณ์เสี่ยงอันตรายขณะกำลังร้องเพลง เล่นดนตรี เพื่อมอบความสุขให้ผู้คน พบว่า การสร้างความสุขให้ผู้คนได้เสพ ก็มีความเสี่ยงในชีวิตไม่น้อย

“เมา-โชว์เพาว์-โชว์หญิง” สาเหตุหลักเหตุรุนแรง

พบสุข โยธา หรือ พี่พบ มือกีตาร์วง Animal Party เล่นดนตรีกลางคืนมานานกว่า 25 ปี ให้ความเห็นกรณีของ ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ ถูกแฟนเพลงขู่ขณะทำการแสดงว่า ในการแสดงคนเสิร์ตสำหรับศิลปินชื่อดังหรืองานใหญ่ จะมีทีมงานครบครันที่ดูแลด้านต่างๆ ระบบเสียง การประสานงาน ความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย หรือมีสารวัตรทหาร ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยและระงับเหตุ ซึ่งกรณีนี้คาดว่าเกิดจากความเมาทำให้ขาดสติ แต่ก็เชื่อว่าเป็นแฟนเพลง

“ถ้าเป็นคนที่เข้ามาฟังเพลงพี่ปู ซึ่งเป็นเพลงที่ให้ความคิด ให้แนวทางการดำเนินชีวิตที่อยู่ในเพลง ถ้าเสพแบบศิลปะจะไม่มีเรื่องรุนแรง เพราะดนตรีคือศิลปะสร้างสรรค์ มีรสนิยม ถ้าคนมีรสนิยมดีจะไม่ทำอะไรที่รุนแรง กรณีนี้คาดว่าจะเมาเพราะขาดสติมากกว่าเพราะปกติจะไม่ทำแบบนี้

เหตุรุนแรงขณะทำการแสดง วงของผมก็เคยโดนขว้างขวดขึ้นมาบนเวที เพราะขอเพลงแล้วไม่ได้ดั่งใจ ก็เลยจะโชว์เพาเวอร์ เพราะตัวเองพาพวกมาเยอะด้วย ซึ่งทั้งวงก็หลบเอา เพื่อให้ทางร้านมาเคลียร์”

พบสุขเล่าต่อว่า กรณีของศิลปินไทยยังถือว่าไม่มีเหตุรุนแรงแบบต่างประเทศ ที่แฟนเพลงคลั่งไคล้และอยากให้ศิลปินอยู่กับเขา จึงก่อเหตุสลดเช่นกรณีของ จอห์น เลนนอน ที่แฟนเพลงคลั่งไคล้อย่างหนักอยากจะให้ศิลปินอยู่กับเขา แต่ของไทยยังไม่ถึงขั้นนั้น ส่วนใหญ่จะเมาแล้วขาดสติมากกว่า 

"ขาประจำ-คนมีสี" ก่อเหตุ

มือกีตาร์วง Animal Party ยังเล่าว่า เหตุรุนแรงส่วนใหญ่พวกที่ก่อเหตุแบบนี้ก็จะเป็นลูกค้าขาประจำที่มาที่ร้าน พวกขาจรไม่ค่อยเจอ ส่วนใหญ่ที่เจอมักเป็นคนวัยราว 30 ปลายๆ ไปจนถึงอายุ 40 ปี ที่เริ่มเป็นระดับหัวหน้าหน่วย หรือมีลูกน้อง เลยต้องการแสดงให้พรรคพวกรู้ว่าตนเองมีอำนาจ และเมื่อไม่ได้ดั่งใจ เวลาขอเพลงนักร้องนักดนตรี จึงพยายามแสดงออก รวมถึงกลุ่มคนมีสีที่มีพรรคพวกมาก มีบารมีก็มักจะเป็นกลุ่มที่ก่อเหตุ ส่วนใหญ่ลูกค้าที่มากับครอบครัวมักจะไม่ก่อเรื่อง

สอดคล้องกับที่ ภูเมธ สังเกตกิจ หรือ "พี่กบ" นักดนตรีและเจ้าของร้าน Meet Up Bar ที่เล่าว่า ตนเองเคยถูกลูกค้าใช้ปืนข่มขู่ขณะทำการแสดงเช่นกัน

“เมื่อประมาณ 8 ปีก่อน ที่ร้านที่เล่นประจำเป็นแนวโฟล์คแบนด์ โดยเล่นเป็นวงดึกปิดร้าน มีลูกค้าประจำ เป็นร้านนั่งชิลล์ริมน้ำ วันนั้นมีลูกค้าคาดว่าเป็นคนมีสี มาที่ร้านกับเพื่อนเดินมาขอเพลงให้เพื่อนร้อง แต่เราไม่ให้ เขามาอีกรอบเดินมากับเพื่อนแล้วเปิดกระเป๋าข้างในมีปืนอยู่ ซึ่งเราก็ไม่พอใจ แต่ก็อยากจะรักษาบรรยากาศ จึงให้เพื่อนของเขาขึ้นมาร้อง และวันนั้นจึงเปิดให้โต๊ะอื่นขึ้นมาร้องด้วย ซึ่งเพื่อนของคนที่ก่อเหตุรู้จักกับเจ้าของร้าน ซึ่งเข้าใจว่าอยากโชว์มากว่า พอเราไม่ให้ก็เสียหน้า ปกติถ้าไม่ใช่นักร้องที่เรารู้จัก หรือร้องดีจริงๆ เราจะไม่ให้ขึ้น เพราะจะทำให้เสียบรรยากาศ หรือในงานวันเกิดก็ให้เป็นพิเศษ นอกนั้นไม่ให้” นายภูเมธ กล่าว

นอกจากนี้ ก็มีกรณีของการไปห้ามเหตุทะเลาะวิวาท ตั้งแต่ชกต่อย ตีด้วยไม้ ไปจนถึงปืนหลายสิบครั้ง โดยครั้งหนึ่งมีการเอาปืนไปไล่ยิงกันหน้าร้าน โดยขัดแย้งเรื่องปืนก็เป็นคนกลางที่ไปห้ามทัพ เพราะส่วนมากการเป็นนักดนตรีก็มีคนรู้จักมาก ก็พอจะไกล่เกลี่ยได้บ้าง

“ส่วนใหญ่คนเมา มักเขม่นกันเรื่องผู้หญิง พูดจาข่มกัน ก็ท้าทายกันแล้วก็บานปลายยิ่งทำงานกลางคืนยิ่งน่ากลัว แต่ส่วนใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับแนวร้าน กลุ่มลูกค้า ถ้าร้านวัยรุ่นเยอะก็มีความเสี่ยงสูง ถ้าร้านคนวัยทำงานก็จะไม่ค่อยมีปัญหา ลักษณะการเปิดเพลง การตกแต่งร้านก็สกรีนลูกค้าไปในตัว"

ดังนั้น ทางออกที่นักดนตรีต้องทำก็คือ ต้องพยายามรักษาบรรยากาศให้ราบรื่น ใช้มุกตลกช่วยบ้าง ซึ่งแล้วแต่เทคนิคของแต่ละวง ลูกค้าที่อารมณ์กำลังร้อนก็จะเย็นลง

“หมอลำ” คาดโทษสูง

พบสุขเล่าต่อว่า วงการดนตรีที่มักจะมีเรื่อง ได้แก่วงดนตรีที่แสดงในผับ หรือ ในร้านเพลงเพื่อชีวิต ที่มักจะมีเหตุรุนแรงเนื่องจากกลุ่มลูกค้าเป็นวัยรุ่น ขณะที่ร้านแบบนั่งฟังเพลงสไตล์ ป๊อบ ร็อค โฟล์คซอง มักไม่มีปัญหา ขณะที่วงลูกทุ่ง อย่างวงหมอลำ ถือว่าจะมีเหตุเกิดขึ้นน้อย เนื่องจากรูปแบบการจ้างงานผู้จัดมักจ้างเหมาวงลูกทุ่งหมอลำชื่อดังอย่าง ปอยฝ้าย, ลูกแพร ไหมไทย, ลูกนก สุภาพร ในราคาแพงเมื่อมีเหตุวิวาทที่รุนแรงจนทำให้การแสดงต้องหยุดก็ทางผู้จัดงานก็จะฟ้องเรียกค่าเสียหายกับผู้ที่ก่อเหตุ 

“มีคนเคยต้องจำนองที่ดิน เพื่อชดใช้เจ้าของงานที่ต้องเสียค่าจ้างหลักแสนจ่ายให้กับวงหมอลำชื่อดังภาคอีสาน ในกรณีที่ต้องยกเลิกการแสดง เหตุพวกนี้จึงมีไม่มาก”

นักดนตรี ต้องมีอาชีพหลัก เล่นดนตรีอาชีพเสริม

นอกจากนี้ พบสุข ยังกล่าวว่า ด้วยอาชีพนักดนตรีที่แม้ว่าจะสร้างรายได้อย่างรวดเร็วในอัตรา 500 -1,000 ต่อชั่วโมง จนดูเสมือนว่า ได้เงินมาง่าย แต่ในทางกลับกัน ก็ไม่มีระบบประกันสุขภาพหรือกองทุน หรือมีปัจจัยภายนอกที่ทำให้การดำเนินชีวิตมีความมั่นคง ทำให้เมื่อประสบปัญหา เช่น น้ำท่วม เศรษฐกิจซบเซา ทำให้ร้านอาหารต่างปิดตัว ส่งผลกระทบต่อวงดนตรีและนักดนตรี นอกจากนี้รูปแบบการจ้างงานที่ไม่มีสัญญาตายตัวทำให้ถูกยกเลิกสัญญาได้ หากไม่มีความเป็นมืออาชีพหรือร้านประสบปัญหา

“ผมเล่นดนตรีมาตั้งแต่เด็กๆ อายุ 16 ปี มีทั้งช่วงที่เฟื่องฟูรายได้มาเยอะ แต่ก็มีช่วงที่งานน้อย ผมเลยกลับไปเรียนหนังสือจนจบ และมีอาชีพหลักเป็นพนักงานออฟฟิศ และมาเล่นดนตรีซึ่งเป็นอาชีพเสริมจากความชอบของเรา เพราะเราเป็นนักดนตรีเคยเลิกไปแล้วมันเลิกไม่ได้ แต่ต้องทำคู่กัน เพื่อให้เลี้ยงตัวเองและครอบครัวให้ได้ เพราะมีส่วนน้อยที่จะได้เล่นวงใหญ่วงดังเหมือนบอดี้ สแลม ที่รายได้แน่นอน สำหรับเมืองไทยเล่นเป็นอาชีพเสริมจะดีกว่า” พบสุขกล่าว

 

เศรษฐกิจหุบ หันเล่น "แตรวง-งานกลางวัน"

พบสุขเล่าต่ออีกว่า นอกจากนี้เศรษฐกิจในช่วง 2-3 ปีหลัง ที่เศรษฐกิจไม่ค่อยจะดีนัก คนมาเที่ยวน้อย สังเกตจากเงินทิปที่ได้น้อยลง รวมเงินค่าตัวและเงินทิปได้กลับบ้านคนละ 1,000–2,000 บาท ช่วงหลังก็ลดลงกว่าร้อยละ 50 นักดนตรีบางคนก็ต้องรับงานมากขึ้น เล่นหลายร้านมากขึ้น เล่นในสถานที่ที่ไกลขึ้น โดยตนเองเล่น 4 ร้านในย่าน ถ.ราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี บางนา ลาดหญ้า ฝั่งธนบุรี เพื่อนบางคนอยู่กรุงเทพฯ ต้องไปเล่นถึง จ.สุพรรณบุรี ก็มี

บางคนต้องไปรับงานกลางวันมากขึ้น เช่น งานแต่งงานไปจนถึงงานบวช แห่นาค พวกแตรวง นอกเหนือจากงานกลางคืน ซึ่งก็เป็นรายได้ที่ดี เพราะเล่นเวลาน้อย แต่ต้องตื่นเช้าหน่อย

รวมถึงต้องยอมรับว่า อาชีพงานกลางคืน มีความคาบเกี่ยวกับธุรกิจสีเทาและการพนัน ทำให้เม็ดเงินจากวงจรธุรกิจสีเทาที่ไหลมายังร้านอาหารและนักดนตรีลดลง เนื่องจากความเข้มงวดในการปราบปราม ซึ่งส่วนใหญ่ก็ดีในการปราบปราม แต่มันก็กระทบไปด้วย

นอกจากนี้ ยังมีบางส่วนที่ไปเล่นดนตรีในต่างประเทศ เช่น ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และไต้หวัน แต่ช่วงนี้ลดลง และที่ร้านในเมืองปากเซ หรือเกาะกง ประเทศกัมพูชา เนื่องจากมีรายได้ดี โดยจะไปเล่นในผับ ร้านอาหาร ซึ่งมีลักษณะเป็นห้องแถวตั้งติดกัน โดยร้านพวกนี้จะอยู่ใกล้แหล่งการพนัน พวกคาสิโน ซึ่งมีเงินสะพัด เพราะนักพนันมาใช้จ่ายเงิน

ขณะที่บางคนไปรับจ้างสอนดนตรีในโรงเรียนสอนดนตรีของสยามกลการ หรือ รับจ้างสอนดนตรีออนไลน์ โดยคิดเป็นชั่วโมงละ 200-300 บาท นอกจากนี้ยังมีพวกที่รับจ้างแกะเพลง ซึ่งแต่ก่อนมี แต่ตอนนี้สื่อสิ่งพิมพ์ขายไม่ค่อยได้ และบรรดายูทูปก็มีการแกะเพลงมาสอนออนไลน์ หนังสือเพลงจึงขายไม่ค่อยได้

สอดคล้องกับ ภูเมธ ที่บอกว่า นักดนตรีต้องรู้จักตัวเอง ซึ่งตัวเองนั้นชอบเล่นดนตรี แต่ก็ชอบทำอาหารด้วยจึงหันมาเปิดร้านอาหาร และสามารถทำควบคู่ไปได้ แต่ก็ยังเล่นดนตรีอยู่ด้วยแต่เน้นที่ร้านมากกว่า

นักดนตรีหั่นราคากันเอง-ขาดสหภาพ

อย่างไรก็ตาม ในวงการยังคงมีการเติบโต และมีนักดนตรีหน้าใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ตามที่พบสุขระบุ ทำให้เกิดปัญหาแข่งขันกันเอง คือ ร้านค้าที่มีจำนวนน้อยลง ทำให้มีการตัดราคากันเอง จากเดิมค่าจ้างราคาอยู่ที่ชั่วโมงละ 1,000 บาท ก็ตัดราคากันจนเหลืออยู่ที่ชั่วโมงละ 700-800 บาท บางแห่งลงมาที่ 300-400 บาท

“20 ปีที่แล้วผมเล่นค่าตัวแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่ประมาณปี 2535 ราคายังพอๆ กัน ทั้งที่ค่าข้าวแพงขึ้น ก๋วยเตี๋ยวชามละ 10-15 บาท แต่ตอนนี้แพงขึ้นไปถึง 40-50 บาท แต่ค่าตัวยังอยู่หลักร้อย และต้องเป็นร้านที่ดีด้วย ค่าตัวถึงจะชั่วโมงละ 700-800 ต่อ ร้านธรรมดาก็อยู่ที่ 300-500 บาท เคยมีความพยายามที่จะรวมตัวกัน เพื่อยกระดับนักดนตรี เพื่อสร้างอำนาจต่อรอง แต่ก็ยังกระจัดกระจายรวมกลุ่มกันไม่ติด"

ต้องวางแผนชีวิตให้ดี

จากหลายปัจจัยที่ค่อนข้างจะไม่มั่นคง ภูเมธจึงให้ความเห็นว่านักดนตรีจำเป็นต้องวางแผนชีวิตให้ดี

“ถึงจุดๆ หนึ่งมาถึงจุดที่เราคิดว่า ถ้าเราแก่ตัวลงไปจะมีสักกี่ร้านที่เราจะได้เล่น และอายุมากขึ้นทุกวัน ผมเลยเปิดร้านของตัวเองโดยจะยังได้เล่นดนตรีที่ร้านของเราเอง ได้ทำกับข้าวที่เราชอบ ที่ลูกค้ากินแล้วอร่อยเท่านี้ก็มีความสุขแล้ว”

นอกจากนี้ยังมีอุปสรรคอีกมาก จึงจำเป็นที่จะต้องมีการวางแผนชีวิต เนื่องจากบางครั้งอาจมีเหตุสุดวิสัยเช่น น้ำท่วม หรือเหตุการณ์สำคัญ ที่ทำให้ร้านเปิดไม่ได้ นักดนตรีก็ไม่มีที่เล่น และต้องรู้จักเก็บเงินด้วย แต่ถ้าเก็บไม่ได้ก็ต้องใช้อย่างเหมาะสม

รวมถึงต้องรักษาสุขภาพด้วยเนื่องจากอาชีพนี้เป็นงานกลางคืน ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ โดยเฉพาะการนอน ซึ่งตนจะพยายามพักผ่อนให้เพียงพอ โดยเลิกเล่นดนตรี เก็บร้านประมาณ 02.00 น.ก็จะตื่นประมาณ 10.00 - 11.00 น. โดยทำกิจวัตรแบบนี้มาโดยตลอด และเรื่องของบุหรี่แพ้ควันบุหรี่ ก็จะพยายามหลีกเลี่ยง ยกตัวอย่างเช่นนักร้อง ถ้าร้องเพลงไม่ได้ไม่มีงาน นักดนตรีนิ้วเจ็บเล่นไม่ได้ก็ไม่มีงาน ก็ต้องระมัดระวังตัวเอง ต้องดูแลตัวเอง

“ปกติมีลูกค้าให้ชนแก้วเวลาดื่ม เราก็ดื่มนิดหน่อย พอเป็นมารยาท ลูกค้าไม่ได้ใจร้ายบังคับเราขนาดนั้น แค่เราจิบลูกค้าก็แฮปปี้แล้ว รู้สึกให้เกียรติกัน”

ศิลปินดังจากยูทูป

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ายอดขายซีดีจะลดลง แต่การเกิดขึ้นของศิลปินหน้าใหม่ก็เกิดขึ้นได้ง่าย จากการใช้สื่อโซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือ อาทิ วงแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นที่รู้จักการเผยแพร่คลิป รวมถึงลำไย ไหทองคำ ที่โด่งดัง จากการเผยแพร่การแสดงสด จนมีค่ายใหม่มาติดต่อดูแล

“หลายวงตอนแรกไม่สนใจ แต่พอไปเห็นยอดวิวในยูทูปก็มาดึงไปออกโชว์ เพราะวงพวกนี้มีฐานแฟนเพลงแล้ว เป็นที่รู้จักแล้วอย่างวงแอลกอฮอล์ หรือ ลำไย ไหทองคำ หรือ จ๊ะ คันหู คนรุ่นใหม่จึงนิยมทำเพลงและเผยแพร่ออกในช่องทางของตัวเอง แทนที่จะเข้าไปเสนอผลงานผ่านค่ายเพลง

 

เฉลิมพล แป้นจันทร์ ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์ รายงาน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง