วานนี้(10 ส.ค.2560) พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ตรวจเยี่ยมศูนย์คัดกรองแรงงานต่างด้าว ที่ศูนย์การค้าธัญญาพาร์ค พร้อมระบุว่า ขั้นตอนที่ 2 จะเป็นการสัมภาษณ์เพื่อพิสูจน์ความเป็นนายจ้าง-ลูกจ้าง โดยทั้งนายจ้างและลูกจ้างต้องมาด้วยตัวเองตามวันและเวลาที่กำหนด มิฉะนั้น ต้องมอบอำนาจให้ญาติมาดำเนินการแทนในกรณีบุคคลธรรมดา
แต่หากเป็นนิติบุคคลสามารถมอบอำนาจให้ผู้แทนบริษัทหรือสถานประกอบการดำเนินการแทน เช่น เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล และหากมีจำนวนลูกจ้าง 10 คนขึ้นไป ขอให้เตรียมหลักฐานประกอบการสัมภาษณ์ด้วย เช่น ทะเบียนลูกจ้าง ทะเบียนการจ่ายค่าจ้าง
สำหรับการพิจารณา เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบว่า เป็นลูกจ้างก่อนวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมาหรือไม่ มีอายุต่ำกว่า15 ปี อายุ 15-18 ปี หรือ อายุ 55 ปีบริบูรณ์ ภายในวัน 8 ส.ค.ที่ผ่านมาหรือไม่ ซึ่งที่ศูนย์คัดกรองศูนย์การค้าธัญญาพาร์ค มีแรงงานไม่ผ่านการคัดกรองประมาณ 40 คน ขณะที่ทั่วประเทศไม่ผ่านการคัดกรองประมาณ 1,000 คน
สำหรับผลคัดกรองความสัมพันธ์นายจ้าง-ลูกจ้าง ที่ศูนย์คัดกรอง ศูนย์การค้าธัญญาพาร์ค วันที่ 8- 9 ส.ค.ที่ผ่านมา มีนายจ้างผ่านการสัมภาษณ์ 747 ราย ลูกจ้างผ่านการสัมภาษณ์ 1,834 คน จากที่นายจ้างยื่นคำขอแจ้งการทำงาน ระหว่างวันที่ 24 ก.ค.-7 ส.ค.ที่ผ่านมา จำนวน 10,112 ราย ลูกจ้างจำนวน 28,755 คน
กรมการจัดหางานแจ้งความโฆษณาทำ MOU ผิดก.ม.
ขณะที่นายวรานนท์ ปีติวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า ได้แจ้งความดำเนินคดีผู้ฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ปี 2560 กรณีมีการโฆษณาผ่านแอพพลิเคชันไลน์ ข้อความ "โปรแรง MOU กัมพูชา มีแค่พาสปอร์ตท่องเที่ยวเอามาทำใบอนุญาตทำงานให้ถูกต้องได้" โดยมีการเชิญชวนนายจ้างและสถานประกอบการให้ทำ MOU แรงงานสัญชาติกัมพูชา ซึ่งเสียค่าใช้จ่ายเพียง 15,900 บาทต่อคน
จากการตรวจสอบของกรมการจัดหางาน พบว่า การโฆษณาดังกล่าวนั้น ผู้โฆษณาไม่ได้เป็นผู้รับอนุ ญาตให้นำแรงงานมาทำงานกับนายจ้างในประเทศแต่อย่างใด ซึ่งฝ่าฝืนมาตรา 25 ของพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ปี 2560 ข้อหาห้ามผู้ใดโฆษณานำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ เว้นแต่เป็นผู้รับอนุญาตให้นำคนต่างด้าวมาทำงาน มีโทษจำคุกไม่เกิน6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งขณะนี้ ได้แจ้งความดำเนินคดีที่ สถานีตำรวจนครบาลดินแดงแล้ว