วันนี้ (4 ก.ย.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังชาวประมงพื้นบ้านคลองปากบางป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานร่วมกันจับจระเข้น้ำเค็ม ความยาว 3 เมตร น้ำหนัก 200 กิโลกรัม จากนั้นนำไปพักฟื้นในบ่อซีเมนต์ขนาดใหญ่ภายในศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งเขต 5 จังหวัดภูเก็ต เพื่อรอแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจนจากกรมประมง จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์ ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการจับจระเข้มาพักฟื้นไว้ในบ่อซิเมนต์ บางส่วนเรียกร้องให้นำกลับไปปล่อยไว้จุดเดิม โดยชาวบ้านและผู้นำท้องถิ่นไม่เห็นด้วยที่จะมีการนำจระเข้ไปปล่อยในจุดเดิม เนื่องจากกังวลว่าจะได้รับอันตรายและส่งผลกระทบด้านการท่องเที่ยว
นายเกชา เกราะเหล็ก ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 บ้านบางเทา ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต บอกว่า ตนเองไม่เห็นด้วยหากจะปล่อยจระเข้ที่จุดเดิม เพราะเป็นสัตว์อันตราย โดยเฉพาะ จ.ภูเก็ต ที่ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบธุรกิจด้านการท่องเที่ยว จึงอาจกระทบต่อชื่อเสียงและสร้างความกังวลต่อนักท่องเที่ยว
นายอดุลย์ ปะหนัน ชาวประมงพื้นบ้าน ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต บอกว่า ตนเองเห็นด้วยหากเจ้าหน้าที่จะนำจระเข้ตัวดังกล่าวไปปล่อย หรือเลี้ยงในที่ที่เหมาะสม ไม่ใช่การปล่อยจระเข้คืนจุดเดิม เพราะอาจสร้างปัญหาให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยว
ขณะที่นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต สั่งการเจ้าหน้าที่ดูแลจระเข้อย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันทางสำนักงานประมงจังหวัดได้ทำหนังสือสอบถามไปยังนายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง ซึ่งมีอำนาจโดยตรงว่าจะดำเนินการกับจระเข้อย่างไร พร้อมประสานให้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสุขภาพ รวมทั้งสั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งตรวจสอบหาที่มาของจระเข้ตัวนี้
สำหรับจระเข้ตัวดังกล่าว ปัจจุบันยังคงพักฟื้นภายในศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งเขต 5 ภูเก็ต เพื่อรอคำตอบจากกรมประมงว่าให้ดำเนินการอย่างไร โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอดเวลา ขณะเดียวได้นำอาหารมาให้ทุกวัน แต่จระเข้ก็ยังไม่ยอมกิน ทั้งนี้ สันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากความเครียด เนื่องจากถูกจำกัดพื้นที่และโดยธรรมชาติจระเข้ก็ไม่ได้กินอาหารทุกวัน ก่อนหน้านี้ทางศูนย์วิจัยฯ เคยรับฝากลูกจระเข้ที่มีการนำไปเลี้ยงโดยผิดกฎหมายมาพักฟื้น พบว่าใช้เวลาเป็นสัปดาห์ในการปรับตัวและกินอาหารได้ ส่วนสภาพร่างกายทั่วไปยังเป็นปกติ