วันนี้ (12 ก.ย.2560) นายวรศาสน์ อภัยพงษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ บอกว่า องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ได้ประเมินสถานการณ์น้ำทั่วโลก ในแต่ละประเทศต้องเฉลี่ยมีน้ำใช้อย่างน้อย 5,000 ลูกบาศก์เมตรต่อคนต่อปี หากค่าเฉลี่ยต่ำกว่านี้จะอยู่ในภาวะขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง ซึ่งประเทศไทย ประชาชนมีน้ำเฉลี่ยเพียง 3,200 ลูกบาศก์เมตรต่อคนต่อปี ถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของยูเนสโก และอยู่ในภาวะที่เข้าข่ายขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรงในอนาคต
"จากการประเมินเรามีตัวเลขการใช้น้ำที่ประเมินอยู่ที่ 3,200 ลูกบาศก์เมตรต่อคนต่อปี บ่งชี้ว่าไทยกำลังขาดแคลนน้ำ ท่ามกลางทรัพยากรน้ำของไทยมีจำกัด ประชาชนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องยิ่งทำให้ค่าเฉลี่ยน้ำต่อคนต่อปีน้อยลง ประกอบกับเศรษฐกิจเติบโตขึ้น และกระตุ้นการลงทุนในประเทศ จำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนด้านการจัดการน้ำไม่น้อยกว่าร้อยละ 6-7 ต่อปี" นายวรศาสน์ ระบุ
อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ บอกอีกว่า ในการสร้างระบบบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ จะไม่เกิดปัญหาการแย่งน้ำและขาดแคลนน้ำในอนาคต เพราะน้ำเป็นต้นทุนสำคัญหลักในภาคการผลิตของไทย โดยเฉพาะภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรม ทำให้ต้องทบทวนระบบการบริหารจัดการน้ำใหม่ทั้งหมดด้วยการผลักดันให้เกิดกฎหมายน้ำมาใช้เป็นกลไกควบคุมและดูแลการใช้น้ำจากแหล่งน้ำสาธารณะอย่างเท่าเทียม ควบคู่กับหาน้ำต้นทุนสร้างความสมดุลย์และความมั่นคงของทรัพยากรน้ำ
มั่นใจว่ากฎหมายทรัพยากรน้ำ หากมีผลบังคับใช้จะอุดช่องว่างการเกิดสงครามความขัดแย้งในการแย่งชิงน้ำ ที่เกิดขึ้นมาแล้วหลายพื้นที่ในภาคเหนือ หรือแม้แต่ประเทศอินเดีย รวมทั้งช่วยการจัดสรรความเป็นธรรมกับผู้ใช้น้ำ โดยยืนยันว่าให้ประโยชน์สูงสุดกับเกษตรกรไทยที่มีความต้องใช้น้ำมากเป็นอันดับ 1 ถึงร้อยละ 75 และมีความเป็นธรรมกับผู้ใช้น้ำ และคุ้มครองแหล่งน้ำสาธารณะ
โดยขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ... อยู่ในกระบวนการของคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ... ในวาระที่ 2 ผ่านการพิจารณาไปแล้ว 80 มาตรา จากทั้งหมด 100 มาตรา รวม 9 หมวด ไม่รวมบทเฉพาะกาล เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์และครอบคลุมของกฎหมายที่จะบังคับใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์นำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สนช.พิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 จากนั้นจะลงมติเห็นชอบช่วงปลายเดือน ก.ย.นี้ หากลงมติเป็นเอกฉันท์จะลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วประกาศบังคับใช้ทันทีประมาณต้นปี 2561 โดยภายในเวลา 180 วัน ต้องดำเนินการออกกฎหมายลูกออกมา