ผู้ค้าโชว์ห่วยบางส่วน ยอมรับว่ามีความพยายามหาซื้อบุหรี่และสุราจากยี่ปั๊วมากักตุนบ้าง เพื่อหวังกำไรเล็กๆน้อยๆ หลังการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 ก.ย.2560 โดยยังคงพอหาซื้อได้เพียงบุหรี่จากยี่ปั๊วที่คุ้นเคยกัน แม้จะต้องจ่ายแพงขึ้นจากราคาเดิม เพราะปรับราคาขายไปรอล่วงหน้าอีกประมาณซองละ 10 บาท แต่สุราไม่สามารถหาซื้อหามากักตุนได้
"ที่ปรับขึ้นมากจะเป็นเหล้ากับบุหรี่มากกว่า อย่างบุหรี่นี่คือจะขึ้นมาประมาณ 10 กว่าบาทต่อแถว แต่เหล้ายังไม่ได้ซื้อเข้ามาเพราะมีการปรับราคาขึ้นไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ทราบราคาที่แน่นอน" กาญจน์ปณิษา สีทอง ผู้ค้าโชว์ห่วยย่านปทุมวัน กล่าว
ไม่ต่างจากนายสมพงษ์ ไชยแสนสุข ผู้ค้าโชว์ห่วยย่านปทุมวัน ที่กำลังประสบปัญหาเช่นเดียวกัน โดยเขากล่าวว่าไม่สามารถหาซื้อบุหรี่และสุรามาขายได้ เพราะยี่ปั๊วไม่ปล่อยสินค้าจนกว่าจะมีการบังคับใช้ภาษีใหม่และจากประสบการณ์ที่ทำธุรกิจนี้มาหลายปีจึงเชื่อว่าอีกสักพักสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ พร้อมแสดงความเห็นอีกว่ายิ่งปรับภาษีสรรพสามิตอัตราสูงมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้ผู้ซื้อหันไปบริโภคบุหรี่และสุราหนีภาษีมากขึ้น
ด้านนาย สมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต ระบุว่า ไม่อยากให้ผู้ประกอบการและผู้ซื้อคิดว่าราคาจะปรับแบบก้าวกระโดด โดยมติ ครม.กำหนดให้อัตราภาษีสุราและเบียร์ จากเดิมเก็บบนฐานมูลค่ามากกว่าปริมาณ มาเป็นการเพิ่มสัดส่วนฐานภาษีด้านปริมาณแอลกอฮอล์แทน ซึ่งได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องป้องปรามปัญหาการกักตุนสินค้าอย่างใกล้ชิดแล้ว
ขณะที่ น.ส.ดาวน้อย สุทธิภาพันธ์ ผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ กล่าวว่า โรงงานยาสูบยังคงผลิตสินค้าตามกำลังการทำงานปกติ แต่ผู้ประกอบการกักตุนบุหรี่กันเอง คาดว่าจะทยอยระบายสินค้าที่กักตุนไว้ออกมาในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ส่วนการขึ้นอัตราสรรพสามิตใหม่รอบนี้เป็นการคิดภาษีประมาณมวนละ 1 บาท 20 สตางค์ ทำให้โรงงานยาสูบเตรียมประกาศปรับราคาบุหรี่ใหม่ 16 ยี่ห้อตามภาระภาษีที่เพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่าบุหรี่ส่วนใหญ่จะขายในราคาไม่เกินซองละ 60 บาท
ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการพาณิชย์ เตือนว่าแม้สินค้าเหล้าและบุหรี่จะไม่ใช่สินค้าควบคุม แต่การกักตุนสินค้าและปฏิเสธการจำหน่ายถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากใครพบความผิดปกติสามารถโทรไปแจ้งได้ที่สายด่วน 1569