วันนี้ (4 ต.ค.2560) นายธเนศ วีระศิริ นายกสภาวิศวกรรมสถานแแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) วิเคราะห์สาเหตุคอนกรีตสะพานพังถล่มที่ จ.ชัยนาท เมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ดังนี้
1.โครงสร้างเหล็กที่ใช้ค้ำยันตัวแท่งคอนกรีตที่อยู่ระหว่างก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา แบกทานน้ำหนักของตัวพื้นคอนกรีตไม่ไหว
2.รถโม่ปูนที่พบในระหว่างเกิดเหตุ ได้เข้าพื้นที่ก่อสร้างเพื่อเตรียมเทปูนคอนกรีต โดยแรงสั่นสะเทือนในช่วงการโม่ ทำให้เสาเข็มเกิดแรงสั่นสะเทือนรุนแรงตามไปด้วย และทำให้คอนกรีตพังถล่มลงมา ขณะที่คนขับรถโม่ปูนดีดตัวออกจากรถได้ทัน
3.พื้นท้องน้ำริมตลิ่งติดแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณพื้นที่พังถล่มมีความลึกมากกว่าริมตลิ่งอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ เนื่องจากเป็นช่วงโค้งของแม่น้ำและอยู่ฝั่งด้านที่แม่น้ำแทงเข้าหา จึงเกิดการกัดเซาะที่ริมตลิ่งมากกว่าและเกิดช่องว่างของเสาเข็มที่ตอกต่ำกว่าผิวดินท้องน้ำลงไปใต้น้ำ
นอกจากนี้ ทีมวิศวกรที่ลงพื้นที่เกิดเหตุได้วิเคราะห์โดยให้น้ำหนักอุปกรณ์ค้ำยันนั่งร้านที่ค้ำคอนกรีต ซึ่งงานที่อยู่ระหว่างก่อสร้างจะต้องใช้เหล็กค้ำยันเพื่อประคองให้งานชิ้นส่วนที่ก่อสร้างเกิดความมั่นคง แต่การลงพื้นที่เมื่อวานนี้ (3 ต.ค.) ให้น้ำหนักเรื่องเสาค้ำยัน 4 ประเด็น คือ
1.นั่งร้านไม่เพียงพอที่จะรองรับน้ำหนักพื้นสะพาน
2.การประกอบติดตั้งนั่งร้านไม่ถูกต้อง
3.วัสดุที่นำมาใช้ทำนั่งร้านไม่สมบูรณ์ หรือไม่ได้มาตรฐาน
4.พื้นดินที่รองรับนั่งร้านเกิดการทรุดตัวลงไป
ซึ่งสะพานแม่น้ำเจ้าพระยาที่กำลังก่อสร้างนั้น เป็นสะพานขนาดใหญ่ที่มีความยาวระหว่างตอม่อเกิน 10 เมตร เข้าข่ายเป็นวิศวกรรมควบคุม อย่างไรก็ตาม ประเด็นทั้งหมดคือการสันนิษฐานเบื้องต้น ยังไม่ได้ตัดปัจจัยอื่น เช่น การออกแบบ การควบคุมการก่อสร้าง โดย วสท.จะเรียกวิศวกรที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูลต่อไป
