ขณะนี้พายุดีเปรสชั่นในทะเลจีนใต้ได้ปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีแนวโน้มเคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศเวียดนามตอนกลางในวันพรุ่งนี้ (10 ต.ค.) คาดว่าคืนนี้ (9 ต.ค.) พายุลูกนี้จะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนขนุน ก่อนที่จะขึ้นฝั่งเวียดนามแล้วจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำก่อนจะเคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศลาว ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือของประเทศไทย ส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง และมีลมกระโชกแรง ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักบางแห่งด้วย
กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า ตั้งแต่วันนี้ (9 ต.ค.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะเริ่มได้รับผลกระทบจากพายุก่อนที่ จ.หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ และมุกดาหาร ส่วนวันพรุ่งนี้ (10 ต.ค.) จะมีฝนตกหนักจากพายุและร่องฝนที่พาดผ่านประเทศไทยในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้
ขณะที่ สถานการณ์น้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ทั่วประเทศมีน้ำเกือบเต็มความจุ โดยเฉพาะเขื่อนในภาคอีสานตอนบนที่ส่วนใหญ่มีน้ำเต็มความจุ หรือ กำลังล้นออกมา และคาดว่าพายุจะพัดเข้ามาในทิศทางนี้ทำให้เกิดน้ำท่วมขึ้นอีกได้
ส่วนเขื่อนในภาคเหนือส่วนใหญ่ปริมาณน้ำเกือบเต็มความจุและบางแห่งกำลังล้น เมื่อพายุพัดเข้ามาโดยคาดว่าจะมาสลายตัวที่ จ.น่าน ก็อาจทำให้เกิดน้ำท่วมเพิ่มได้อีก รวมทั้งภาคกลางที่ต้องรับน้ำต่อมาจากภาคเหนือเช่นกัน
พายุที่จะเข้ามานี้ทำให้ จ.สุโขทัย ซึ่งอยู่ในภาคเหนือตอนล่างต้องเตรียมรับมือน้ำที่อาจจะเพิ่มขึ้น จากเดิมที่อ่างเก็บน้ำ 3 แห่ง คือ อ่างเก็บน้ำแม่มอก อ่างเก็บน้ำห้วยท่าแพ และอ่างเก็บน้ำห้วยแม่สูง มีน้ำเต็มความจุ และไหลล้นทางระบายน้ำล้นลงสู่ลำน้ำแม่มอก คลองแม่ท่าแพ และคลองห้วยแม่สูง เข้าสู่อำเภอเมืองสุโขทัย ลงสู่แก้มลิงทะเลหลวง ซึ่งก็มีน้ำเต็มความจุที่กว่า 32 ล้าน ลบ.ม.และไหลล้นลงสู่ด้านท้ายไปที่คลองทางไม้ด้านหลังโรงพยาบาลสุโขทัย จนอาจทำให้โรงพยาบาลถูกน้ำท่วมได้
ล่าสุดระดับน้ำในคลองเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ยังห่างจากระดับที่จะทำให้โรงพยาบาลถูกน้ำท่วมกว่า 1 เมตร กรมชลประทานจึงนำเครื่องสูบน้ำมาติดตั้ง 8 เครื่อง และนำบิ๊กแบ็ค 300 ถุง มาเสริมแนวคันกั้นน้ำรอบโรงพยาบาลเพื่อรับมือกับระดับน้ำที่จะเพิ่มสูงขึ้นอีก
ส่วนในลุ่มน้ำเจ้าพระยา เมื่อคืนนี้ยอดน้ำสูงสุดจากฝนที่ตกหนักมาก่อนหน้านี้ได้ไหลมาถึง จ.นครสวรรค์ที่ 2468 ลบ.ม.ต่อวินาที และขณะนี้ไหลมาถึงเขื่อนเจ้าพระยาแล้ว ทำให้เขื่อนต้องระบายน้ำมากถึง 2000 ลบ.ม./วินาที และแบ่งรับน้ำเข้าไปในแก้มลิง 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่ 440 ลบ.ม.ต่อวินาที คาดว่าต้องระบายน้ำเช่นนี้ต่อเนื่องไปอีก 1 สัปดาห์ แต่ยอดน้ำที่ระบายลงมานี้จะทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำ 11 จุด ในภาคกลางตอนล่างได้รับผลกระทบ
อธิบดีกรมชลประทาน ระบุว่า วันนี้น้ำเหนือจะทำให้คลองโผงเผง คลองบางบาล และริมแม่น้ำน้อย บริเวณ อ.บางบาล อ.เสนา และอ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา มีน้ำล้นตลิ่งเพิ่มขึ้น แต่ก็จะทะยอยระบายน้ำเพิ่มขึ้นจากเขื่อนเจ้าพระยาตามยอดน้ำเหนือที่หลากมาเพิ่มจากพายุแต่จะไม่ให้เกิน 2600 ลบ.ม.ต่อวินาที