วันนี้ (24 ต.ค.2560)ความคืบหน้าหลังจากพบโครงกระดูกมนุษย์บนเนิน 500 ฐานปฏิบัติการอนุพงศ์สามเหลี่ยมมรกต ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งอยูู่ระหว่างนำไปตรวจสอบกับคดี น.ส. จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน ผู้อำนวยการส่วนการศึกษา องค์การบริหารส่วนตำบลชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ที่หายตัวไป 3 เดือน
โครงกระดูกชิ้นส่วนมนุษย์ ชุดข้าราชการสีกากี เข็มขัดและนาฬิกา ถูกพบใกล้กับลานจอดเฮลิคอปเตอร์ ฐานปฎิบัติการอนุพงษ์ อำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี ก่อนญาติจะยืนยันว่านาฬิการรวมถึงเสื้อผ้าเป็นของนางสาวจุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน ผู้อำนวยการส่วนการศึกษาองค์การบริหารส่วนตำบลชำอำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ ที่หายตัวไปนานกว่า 3 เดือน
จุดที่พบโครงกระดูก อยู่ห่างจากฐานปฎิบัติการอนุพงษ์ 4 กิโลเมตร ซึ่งฐานดังกล่าวเป็นฐานปฎิบัติการทางทหารตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของกรมทหารพรานที่ 23 และเป็นพื้นที่ที่ร.อ.ศุภชัย ภาโส เคยปฎิบัติงานจึงทำให้ญาติมั่นใจว่าชิ้นส่วนกระดูกที่พบเป็นของนางสาวจุฑาภรณ์
นางแหลม อุ่นอ่อน มารดาของน.ส.จุฑาภรณ์ บอกว่า มั่นใจว่าโครงการกระดูกของลูก เพราะดูจากเสื้อผ้าชุดราชการ เข็มขัดและนาฬิกาที่เจอ
ทั้งนี้ น.ส.จุฑาภรณ์ หายตัวไปตั้งแต่ วันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งพยานบอกว่า น.ส.จุฑาภรณ์ เดินทางไปพบร.อ.ศุภชัย เพื่อทวงเงินที่ถูกยืมหลายแสนบาท ก่อนหายตัวไป เจ้าหน้าที่จึงค้นหาด้วยการตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์ของน.ส.จุฑาภรณ์ พบสัญญาญโทรศัพท์ในเขตเทศบาลเมืองอุบลราชธานี กองพันทหารราบที่ 2 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ และฐานปฎิบัติการอนุพงษ์ ส่วนในวันที่ 4-5 ก.ค. พบสัญญาณโทรศัพท์บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี และบริเวณชายแดนเขาพระวิหาร
ก่อนเจ้าหน้าที่จะปูพรมค้นหาร่างของ น.ส.จุฑาภรณ์ บริเวณพบสัญญาณโทรศัพท์ ทั้ง 3 จนกระทังพบชิ้นส่วนโครงกระดูก บริเวณฐานอนุพงษ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่เคยค้นหา แต่ไม่พบก่อนจะมีการตรวจสอบซ้ำ
ด้าน พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เราจะรวบรวมข้อมูลพยานต่างๆ ที่พบส่งให้พนักงานพิสูจน์หลักฐาน พนักงานสอบสวน และตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ให้ครอบคลุมทั้งหมดก่อน
แม้จะมีการยืนยันจากญาติว่าสิ่งของที่พบเป็นของน.ส.จุฑาภรณ์ แต่ตำรวจระบุว่ายังต้องรอผลการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาตร์ ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 5 -7 วัน ซึ่งจากการตรวจสอบของแพทย์เบื้องต้น พบว่าโครงการกระดูกที่พบเป็นของผู้หญิง และน่าจะเสียชีวิตมานานกว่า 1 เดือน
หากผลการตรวจสอบพบว่าโครงกระดูกเป็นของ น.ส.จุฑาภรณ์จริง ก็จะต้องหาพยานหลักฐาน เพื่อหาความเชื่อมโยงก่อนจะตั้งข้อหาร.อ.ศุภชัย เพิ่มเติมในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และปิดบังซ่อนเร้นศพ